เชียงราย - รองแม่ทัพภาคที่ 3 นำทีมทุกภาคส่วนร่วมปลูก “ดอกเสี้ยวขาว” วนอุทยานพญาพิภักดิ์ พื้นที่ “เสียงปืนแตกเขตงาน 8” ยุค พคท.รบกับรัฐบาลไทยในอดีต ถวาย “แม่ของแผ่นดิน” พร้อมเดินหน้าพัฒนาตามโครงการเพื่อความมั่นคงพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ประวัติศาสตร์
พล.ต.คู่ชีพ เลิศหงิม รองแม่ทัพภาคที่ 3 ได้เดินทางไปเป็นประธานเปิดกิจกรรมปลูกป่าเสี้ยวดอกขาว ถวายแม่ของแผ่นดิน ณ โครงการเพื่อความมั่นคงพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ประวัติศาสตร์ เขตวนอุทยานพญาพิภักดิ์ ต.ยางฮอม อ.ขุนตาล จ.เชียงราย วานนี้ (14 ส.ค.) โดยมีนายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 พ.อ.บรรณวัฒน์ พรหมจรรย์ เสธ.พล.ร.7 นำเจ้าหน้าที่ ประชาชน นักเรียนเข้าร่วมในการปลูกป่าครั้งนี้ 883 คน
โดยก่อนร่วมลงมือปลูกป่า พล.ต.คู่ชีพ ได้เปิดกรวยหน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และนำร้องเพลงสรรเสริฐพระบารมี เพลงสดุดีมหาราชา เพลงมหาฤกษ์ จากนั้นร่วมกันปลูกต้นเสี้ยวดอกขาวเพิ่มเติม 6,000 ต้น บนเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ หลังจากที่ได้ปลูกไปแล้ว 30 ไร่
พล.ต.คู่ชีพ กล่าวว่า เชียงรายมีศักยภาพด้วยความเป็นดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ วัฒนธรรม และมีชายแดนติดกับ 2 ประเทศ ซึ่ง “ดอยพญาพิภักดิ์” ถือเป็นพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ยาวนาน แต่ไม่ได้หมายถึงว่าเราจะรื้อฟื้นขึ้นมาให้เกิดความขัดแย้งกัน แต่เป็นการศึกษาเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก ส่วนกรณีที่เป็นประวัติศาสตร์ที่ดี เราก็เอามาไว้เป็นบทเรียน
พล.ต.คู่ชีพ บอกว่า ดอยพญาพิภักดิ์นั้นมีสิ่งดี คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ เมื่อวันที่ 27 ก.พ.2525 จึงถือเป็นดินแดนที่ศักดิ์สิทธิ์ และถือเป็นบุญของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก ดังนั้น ทางกองทัพภาคที่ 3 โดยแม่ทัพภาคที่ 3 จึงได้ส่งเสริมให้ดำเนินโครงการนี้เพื่อร่วมร่วมกันสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อเหล่าทหารหาญ และปวงชนชาวไทย
ซึ่งโครงการเพื่อความมั่นคง พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ประวัติศาสตร์พื้นที่วนอุทยานพญาพิภักดิ์ ดำเนินการเพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสทรงเจริญพระชนพรรษา 88 พรรษา โดยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะกันพัฒนาให้มี 5 โซน ได้แก่ โซนเอ เป็นศาลาประทับรอยพระบาท และนวัตกรรมทหาร โซนบี เป็นหอจงรักภักดี โซนซี เป็นลานกิจกรรมและการผจญภัย โซนดี เป็นสนามเฮลิคอปเตอร์ จุดชมวิว ลานสำหรับกางเต็นท์นักท่องเที่ยว และโซนอี เป็นหมู่บ้านโฮมสเตย์ ขายของที่ระลึก การแสดงของเยาวชน และชนเผ่า
ตามแผนงานจะมีการปรับปรุงศาลารอยพระบาท และซุ้มพระบรมฉายาลักษณ์ ปรับปรุงหลุมบุคคล นำอาวุธยุทโธปกรณ์ในอดีตมาจัดแสดง สร้างฝายกั้นน้ำ สร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่ สร้างเยาวชนมัคคุเทศน์ ปลูกป่า ปรับปรุงเส้นทาง
โดยกำหนดระยะเวลาดำเนินการไว้ 3 ระย ะคือ ระยะเร่งด่วน 1 ปี 2558 ระยะกลาง 2 ปี ดำเนินการในปี 2559-2560 และระยะยาว 3 ปี ดำเนินการในปี 2560-2563
สำหรับวนอุทยานพญาพิภักดิ์ มีเนื้อที่ทั้งหมด 3,750 ไร่ เมื่อปี 2503 เคยเกิดความขัดแย้งในพื้นที่ และมีผู้เข้าไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ต่อสู้กับรัฐบาล โดยถือเอาวันที่ 8 พ.ค.2510 เป็นวันเสียงปืนแตก เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจากการสู้รบอันยาวนานร่วม 4 ปี 9 เดือนเป็นจำนวนมาก โดยทางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ได้ตั้งกองกำลัง ณ บ้านราษฎร์ภักดี (ห้วยเซงเม้ง) เรียกว่าเขตงานที่ 8 ดอยยาว ดอยผาหม่น และทหารไทยได้ตั้งฐานที่มั่นชื่อ “ค่ายเมงกาโต” ไปปราบปราม มีการปะทะกันหลายครั้ง
กระทั่งปี 2521 รัฐบาลไทยมีนโยบายการเมืองนำการทหารตามคำสั่งที่ 66/2523 ทำให้ผู้ความแตกแยกทางควมคิดเข้ามอบตัว และเข้าร่วมพัฒนาชาติไทย
ต่อมา วันที่ 27 ก.พ.2525 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาธินัดามาตุ ทรงเยี่ยมทหาร และราษฎร ณ บ้านพญาพิภักดิ์ รวมทั้งพระราชทานประทับรอยพระบาทลงบนแผ่นปูนปลาสเตอร์เพื่อเป็นมิ่งขวัญแก่ทหารหาญและราษฎร ทำให้เหตุการณ์ยุติลง และเกิดความสงบสุขจนถึงทุกวันนี้