“เที่ยวบ้านนอก” กำลังเป็นกระแสใหม่ในการท่องเที่ยวญี่ปุ่น โดยรัฐบาลท้องถิ่นต่างๆได้สนับสนุนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางออกจากตัวเมืองใหญ่ มาสัมผัสบรรยากาศและธรรมชาติที่งดงามของชนบท พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกโดยจัดรถโดยสารให้ฟรี
จังหวัดนาระของญี่ปุ่นนอกจากมีแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม คือ สวนกวางและวัดวาอารามที่เป็นโบราณสถานประจำเมืองหลวงเก่าแล้ว หากปลีกตัวจากความคึกคักของเมืองออกไปเพียง 2-3 ชั่วโมง ยังมีเทือกเขาที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นเส้นทางแสวงบุญ และมีความงดงามจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งอยู่ ณ เมือง “โยชิโนะ”
ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ โยชิโนะเป็นจุดชมซากุระที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น เนื่องจากทั้งภูเขาจะกลายเป็นสีชมพูสะพรั่งจากต้นซากุระป่ามากกว่า 3หมื่นต้นที่ผลิดอกพร้อมกัน หากแต่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โยชิโนะถึงแม้จะเงียบเหงาจากนักท่องเที่ยว แต่ก็ยังมีความงดงามในอีกแบบหนึ่งที่แฝงเร้นไว้ด้วยตำนานอันศักดิ์สิทธิ์
เทือกเขาคิอิที่ทอดผ่านเมืองโยชิโนะมีความสูงกว่า 1,000 เมตร ได้ชื่อว่าเป็น “เส้นทางบุญ” ที่เชื่อมระหว่างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ 3 ที่ คือ โยชิโนะ, โคยะซัน และคุมาโนะ ซันเซน โดยโยชิโนะถือเป็นต้นกำเนิดของลัทธิ “ชูเกนโด” 修験道 ซึ่งเป็นความเชื่อดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่นที่ผสมผสานระหว่างพระพุทธศาสนา,ลัทธิเต๋า และลัทธิชินโต
ชาวญี่ปุ่นในอดีตเชื่อว่าการท่องไพรและใช้ชีวิตในป่าถือเป็นการฝึกตนรูปแบบหนึ่ง ความเชื่อเรื่องการบำเพ็ญพรตในป่าเขาทำให้มนุษย์บรรลุธรรมได้ สะท้อนผ่านอักษรคันจิคำว่า“เซียน” หรือ “เซน” 仙 ที่ประกอบด้วยอักษร คน イ และภูเขา 山 โดยเส้นทางภูเขาที่โยชิโนะถือเป็นเส้นทางบุญที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในแดนอาทิตย์อุทัย
วัดและศาลเจ้าอยู่ร่วมกัน
เส้นทางบุญบนภูเขาที่โยชิโนประกอบด้วยวัดและศาลเจ้าหลายแห่ง วัดที่สำคัญที่สุด คือ วัดคิมปูเซน ซึ่งมีวิหารทำจากไม้ขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ในญี่ปุ่น รองจากวิหารหลวงพ่อโตที่วัดโทไดจิ ในตัวเมืองนาระ
วิหารไม้นี้มีความกว้าง 9 เมตร ลึก 11เมตร สูง 34เมตร วัดคิมปูเซนได้รับความเคารพอย่างสูงในหมู่ชาวญี่ปุ่นตั้งแต่โบราณ แม้กระทั่งขุนศึกผู้ครองแคว้นต่างๆ ก็ต้องลงจากหลังม้าและปลดอาวุธเมื่อเดินผ่านประตูวัด ขณะที่เสาประดับทองคำ 2 ต้นและพระพุทธรูปในวิหาร เชื่อกันว่าได้รับบริจาคจากโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคซามูไร ที่มาชมดอกซากุระที่ภูเขานี้
ส่วนศาลเจ้าที่สำคัญ คือ ศาลโยชิโนะ จินกุ และ ศาลโยชิมิสุ ซึ่งเชื่อกันว่าเคยเป็นที่พำนักของจักรพรรดิ์โก ไดโก ซึ่งลี้ภัยมาอาศัยในป่าเขาหลังจากถูกเหล่าขุนศึกยึดอำนาจที่กรุงเกียวโต เมืองหลวงในอดีต ศาลเจ้าญี่ปุ่นในอดีตหลายแห่งเคยเป็นสถานที่ศึกษาธรรมะของพระภิกษุในพระพุทธศาสนา แต่เพิ่งจะแยกพุทธศาสนากับลัทธิชินโตออกจากกันอย่างชัดเจนในช่วงการปฏิรูปเมจิในศตวรรษที่ 19
จากเส้นทางบุญสู่แหล่งปลีกวิเวก
ภูเขาที่โยชิโนะนอกจากเป็นแหล่งศึกษาธรรมะที่มีทิวทัศน์งดงามแล้ว ยังเป็นแหล่งปลีกวิเวกของอดีตจักรพรรดิ์ รวมทั้งขุนนางและขุนศึกที่เหนื่อยหน่ายกับการแก่งแย่งชิงอำนาจ ซึ่งถึงแม้ท้ายที่สุดแล้ว ความหวังหวนคืนสู่เมืองกรุงจะถูกทิ้งร้างกลางป่าจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต หากแต่วัดวาอาราม ศาลเจ้าและบ้านเรือนที่สวยงามก็เป็นประจักษ์พยานที่ยังคงอยู่ว่า ที่นี่เคยเป็นชุมชนใหญ่กลางขุนเขา ที่อดีตผู้มีอำนาจหลายคนใช้เป็นที่พำนักชั่วคราวเพื่อหวนคืนสู่เมืองกรุง หากแต่ชาวบ้านสามัญอีกหลายคนกลับพึงใจที่จะมีชีวิตเรียบง่ายตลอดไป
เมนูเต้าหู้ ความอร่อยที่คาดไม่ถึง
นอกจากซูชิห่อใบพลับที่เป็นอาหารยอดนิยมของจังหวัดนาระแล้ว ที่กลางหุบเขาในเมืองโยชิโนะยังมีร้านอาหารร้านหนึ่งที่นำเสนอเมนูที่ทำจากเต้าหู้สารพัดแบบทั้งของคาวและของหวาน
เต้าหู้สดที่มีรสสัมผัสอ่อนและแข็งแตกต่างกันลวกในน้ำเดือดและจุ่มซอสโชยุ ส่งกลิ่นหอมของถั่วเหลืองและอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อโดยไม่ต้องแต่งเติมอะไร นอกจากนี้ยังมีสเต็กเต้าหู้ที่อร่อยไม่แพ้สเต็กเนื้อ, ฟองเต้าหู้ และนมถั่วเหลืองรสเข้มข้น สำหรับของหวานยังเค้กเต้าหู้ที่หอมอร่อยไม่แพ้นมเนย และที่พลาดไม่ได้คือ ไอศรีมเต้าหู้ ที่เนียนนุ่มและหอมกรุ่นยามละลายในปาก
โยชิโนะอาจเป็น “บ้านนอก” ที่ห่างไกลสำหรับนักท่องเที่ยว ทว่าที่นี่มีเสน่ห์ที่ไม่ใช่เพียงความงดงามจากซากุระหลายหมื่นต้นในฤดูใบไม้ผลิ แต่เป็นความสงบที่เกิดขึ้นภายในจิตใจระหว่างเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางกลางขุนเขา เป็นความงดงามที่สัมผัสได้ด้วยทั้งจากดวงตาและดวงใจ.
ผู้สนใจติดตามข้อมูลการท่องเที่ยวเมืองโยชิโนะได้ที่เว็บไซต์
http://www.yoshinoyama-sakura.jp/english/index.htm
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวจังหวัดนาระ ให้บริการรถโดยสารไปยังเมืองโยชิโนะและเมืองอาซุกะ ฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเดินรถทุกวันอังคาร,พฤหัสบดี, เสาร์และอาทิตย์ ไปจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้
นอกจากนี้ ที่ศูนย์บริการฯยังมีกิจกรรมทางวัฒนธรรมเป็นประจำ เช่น ดนตรีพื้นเมือง, พิธีชงชา, การเขียนพู่กัน, การจัดดอกไม้ ฯลฯ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้ได้ฟรี
ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลได้จากเฟชบุ๊ก NARA Visitor Center&Inn