สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว やっぱり、色々な方に読んで頂いた方が、私も嬉しいんですよ : บทความที่ผ่านๆ มามีเพื่อนๆ อ่านและเขียนแสดงความคิดเห็นกันหลากหลาย ผมรู้สึกดีใจมากครับ (`・ω・´ )
สำหรับคอลัมน์ในวันนี้เกี่ยวกับญี่ปุ่นแต่ก็อยากให้เพื่อนๆ อ่านเล่นๆ เผื่อจะมีประโยชน์บ้างครับ
มีเพื่อนคนไทยที่ถามคำถามผมบ่อยๆ ขอเลือกมาสัก 3 คำถามดังนี้
Q: ตอนนี้ยังมียากุซ่าอยู่จริงมั้ย?
Q: โอตาคุ(Otaku) คืออะไร?
Q: อยากทำงานที่ญี่ปุ่น จะทำอย่างไรดี?
Q: ตอนนี้ยังมียากุซ่าอยู่จริงมั้ย?
A: ข้อนี้ถ้าตอบคงบอกว่าถ้าซามูไรเอย นินจาเอย ตอนนี้อาจจะมีที่คนแสดงตามสวนสนุก แต่ยากุซ่ามีครับ แต่วิถีชีวิตคนปกติก็ไม่มีอะไรไปเกี่ยวข้องกับยากุซ่าเท่าไหร่นัก (´Д ` ; )
Q: Otaku คืออะไร?
A: ปัจจุบันรัฐบาลญี่ปุ่นมีแคมเปญ Cool Japan มีชาวต่างชาติที่นิยมและชื่นชอบเกี่ยวกับ animation หรือพวกการ์ตูนญี่ปุ่นเอย เกมส์ญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันหลังจากแคมเปญนี้ออกมาภาพลักษณ์ของคนที่นิยมชื่นชอบพวกเกมส์ การ์ตูนก็ดีขึ้น แต่ถ้าเป็นอดีตคำนี้ค่อนข้างเป็นภาพลักษณ์ของคนที่หมกมุ่น เก็บตัว กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เป็นต้นนะครับเมื่อก่อนความหมายค่อนข้างลบสักหน่อย
ถ้ามีเพื่อนๆ อยากรู้รายละเอียดของทั้งสองเรื่องด้านบน คอมเมนท์มาได้นะครับ b(´・ω・` ) ส่วนอีกคำถามหนึ่งที่ผมโดนถามมากที่สุดเหมือนกัน เช่นครั้งหนึ่งที่เพื่อนผมถามผมเรื่องอยากไปทำงานที่ญี่ปุ่น (คลิกอ่าน Arubaito 3 中辛งานโฮส และงานเสี่ยงๆ ในญี่ปุ่น)
Q: อยากทำงานที่ญี่ปุ่น จะทำอย่างไรดี?
A: จากคำถามนี้ ผมคงบอกอีกครั้งละครับว่า ญี่ปุ่นเนี่ยถ้าไปเที่ยว ผมว่าสุดยอดแล้วครับ มีคนบอกหลายคนว่าธรรมชาติสวยมาก วัฒนธรรมก็ดี เทคโนโลยีล้ำ เดินทางสะดวกปลอดภัย อาหารอร่อย ผมเองยังอยากกลับไปกินซูชิทุกเดือนๆ เลย ( ถ้ามีตังค์นะคร้าบ ฮ่าๆ...)
แต่ถ้าพูดเรื่องการเป็นอยู่รวมถึงการทำงานที่สังคมคนทำงานญี่ปุ่น ค่อนข้างลำบากนะ ก่อนอื่นเลยเรื่องระยะเวลาในการทำงานที่ค่อนข้างยาวนานในแต่ละวันๆ การหางานที่ยากลำบาก คนญี่ปุ่นเองยังหางานทำยากเลย ถ้าคนต่างชาติที่ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นก็จะยิ่งหางานยากเข้าไปอีก แต่ถ้าคุณสนใจญี่ปุ่นจริงๆ อาจจะไปเรียนภาษาไปด้วย หางานเล็กๆ น้อยๆ ไป เที่ยวไปด้วยแบบนี้คงยังสนุกอยู่
แต่ถ้าภาษาญี่ปุ่นคุณดีมาก ผมว่าคุณกลับมาทำงานที่ใช้ภาษาญี่ปุ่นที่เมืองไทยดีกว่าเพราะคุณภาพชีวิต สวัสดิการคุณจะดีมากๆ บางท่านอาจจะยังไม่เชื่อนัก แต่ที่ญี่ปุ่นมีอย่างหนึ่งที่ต่างจากเมืองไทยนิดหน่อยเรื่องจบการศึกษา เคยได้ยินเพื่อนบอกว่า ' ที่เมืองไทยถ้าไม่จบมหาวิทยาลัยจะหางานดีๆ ยาก แต่ที่ญี่ปุ่นถึงจะจบมหาวิทยาลัยก็หางานดีๆ ยาก ' ครับ
ตัวอย่างที่จะนำมาพูดนะครับ
นี่คือเวปไซต์ของมหาวิทยาลัยเกียวโต สำหรับการหางาน http://www.kyoto-u.ac.jp/ja/education-campus/job/syusyoku/documents/008.pdf
ข้อเขียนข้อที่ 6 สำหรับเอกสารของนักศึกษาที่หางานทำ จากเวปไซต์นี้บอกว่า บริษัทญี่ปุ่นชอบ Generalist มากกว่า Specialist แนวโน้มที่คนจบมหาวิทยาลัยแล้วจะสามารถหางานดีๆ ยากขึ้นทุกที สำหรับคำว่า Generalist ของบริษัทญี่ปุ่นไม่ได้หมายความว่า เป็นคนที่สามารถพูดภาษาต่างประเทศได้หลายภาษา เก่งกาจเลิศเลอ หรือเป็นผู้ที่สามารถติดต่อประสานงานกับต่างประเทศได้ ไม่ใช่ความหมายเหล่านี้เลยครับ ความหมายในที่นี้คือคนที่ทำงานอึด ทน ถึก ทุ่มเทให้องค์กร ไปเล่นกอล์ฟได้แต่เช้าตรู่แม้ว่าเมื่อคืนจะทำงานกลับดึกๆ ดื่นๆ ร้องคาราโอเกะได้เข้ากับทีมทั้งทีมที่ร้องเพลงเก่าเพลงใหม่ เพลงลูกทุ่ง ประมาณนี้ครับ
สำหรับอิมเมจของมหาวิทยาลัยเกียวโต ผมบอกเลยว่าเป็นมหาวิทลัยดังระดับประเทศ เข้ายากมาก ทุกคนที่นั่นหัวดี เปรียบเหมือนมหาวิทยาลัยอันดับสองของประเทศเลยครับ ถ้าเทียบกับประเทศไทย มหาวิทยาลัยโตเกียว กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกียวโต เป็นมหาวิทยาลัยต่างจังหวัดที่เก่งมากๆ คงเปรียบประมาณมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ละมังครับ อยากถามจังว่าเพื่อนๆ ที่เรียนจบปริญญาตรี ปริญญาโท สมมุติที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เคยมีเวปไซต์เตือนไหมครับว่า ' แม้ว่าพวกคุณจะจบปริญญา พวกคุณอาจจะไม่มีงานทำ' ....
พูดถึงปัจจุบันนักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยโตเกียวเอง อาจหางานทำเป็นข้าราชการ ธนาคาร หรือที่ปรึกษา แต่ถ้าหางานไม่ได้จริงๆ บางคนก็ต้องมาทำงานพาร์ทไทม์ตามร้านสะดวกซื้อ แบบนี้ก็มี บางคนทำงานร้านปาจิงโกะ ร้านขายรถมือสอง หรือผู้จัดการร้านอาหาร บาร์เบียร์ ซึ่งงานประเภทนี้เหนื่อยขาดใจเลยครับเพื่อนๆ เอ๋ย ทำงานสิบกว่าชั่วโมง ถ้าเด็กพาร์ทไทม์ในร้านไม่มาตัวเองก็ต้องยิ่งเหนื่อย เวลากินเวลานอนก็น้อย บางทีต้องใช้เวลาวันหยุดตัวเองที่มีอยู่น้อยนิดมาทำงานเอกสารของร้านส่งรายงานบริษัทแม่ ช่างน่าสงสารมากครับ
ส่วนพวกจบสายศิลป์ มหาวิทยาลัยวาเซดะ หรือมหาวิทยาลัยเคโอ ก็ไม่ค่อยมีงาน เลยเรียนต่อปริญญาโท แต่ยิ่งแย่กว่าเดิมคือจบมาไม่มีงานรองรับ จากนั้นเขาจะทำอย่างไร ก็วนลูปเหมือนเดิมหางานที่เป็นแรงงาน หรือแย่กว่านั้น เรื่องการหางานที่ยากลำบากและทำงานที่ไม่ตรงกับสิ่งที่จบออกนี้มาเพื่อนๆ เห็นว่าอย่างไรบ้างครับ ผมจะรออ่านความคิดเห็นนะครับ
วันนี้อาจจะเป็นเรื่องหนักๆ หน่อย เพื่อนๆ ที่อยากไปทำงานที่ญี่ปุ่นคิดถึงเรื่องที่ผมเล่าสักนิดครับว่าแนวโน้มการหางานยากจริงๆ ถ้าท่านใดมีคำถามอะไรเกี่ยวกับญี่ปุ่นก็นำเสนอมาได้นะครับ เช่น ทำไมคนญี่ปุ่นชอบกินโซบะราเมนเสียงดังๆ (คลิกอ่าน ทำไมคนญี่ปุ่นถึงรัก "โซบะ"?) หรือทำไมคนญี่ปุ่นต้องใส่เสื้อซับสองชั้น เป็นต้น สำหรับวันนี้สวัสดีครับ
สำหรับคอลัมน์ในวันนี้เกี่ยวกับญี่ปุ่นแต่ก็อยากให้เพื่อนๆ อ่านเล่นๆ เผื่อจะมีประโยชน์บ้างครับ
มีเพื่อนคนไทยที่ถามคำถามผมบ่อยๆ ขอเลือกมาสัก 3 คำถามดังนี้
Q: ตอนนี้ยังมียากุซ่าอยู่จริงมั้ย?
Q: โอตาคุ(Otaku) คืออะไร?
Q: อยากทำงานที่ญี่ปุ่น จะทำอย่างไรดี?
Q: ตอนนี้ยังมียากุซ่าอยู่จริงมั้ย?
A: ข้อนี้ถ้าตอบคงบอกว่าถ้าซามูไรเอย นินจาเอย ตอนนี้อาจจะมีที่คนแสดงตามสวนสนุก แต่ยากุซ่ามีครับ แต่วิถีชีวิตคนปกติก็ไม่มีอะไรไปเกี่ยวข้องกับยากุซ่าเท่าไหร่นัก (´Д ` ; )
Q: Otaku คืออะไร?
A: ปัจจุบันรัฐบาลญี่ปุ่นมีแคมเปญ Cool Japan มีชาวต่างชาติที่นิยมและชื่นชอบเกี่ยวกับ animation หรือพวกการ์ตูนญี่ปุ่นเอย เกมส์ญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันหลังจากแคมเปญนี้ออกมาภาพลักษณ์ของคนที่นิยมชื่นชอบพวกเกมส์ การ์ตูนก็ดีขึ้น แต่ถ้าเป็นอดีตคำนี้ค่อนข้างเป็นภาพลักษณ์ของคนที่หมกมุ่น เก็บตัว กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เป็นต้นนะครับเมื่อก่อนความหมายค่อนข้างลบสักหน่อย
ถ้ามีเพื่อนๆ อยากรู้รายละเอียดของทั้งสองเรื่องด้านบน คอมเมนท์มาได้นะครับ b(´・ω・` ) ส่วนอีกคำถามหนึ่งที่ผมโดนถามมากที่สุดเหมือนกัน เช่นครั้งหนึ่งที่เพื่อนผมถามผมเรื่องอยากไปทำงานที่ญี่ปุ่น (คลิกอ่าน Arubaito 3 中辛งานโฮส และงานเสี่ยงๆ ในญี่ปุ่น)
Q: อยากทำงานที่ญี่ปุ่น จะทำอย่างไรดี?
A: จากคำถามนี้ ผมคงบอกอีกครั้งละครับว่า ญี่ปุ่นเนี่ยถ้าไปเที่ยว ผมว่าสุดยอดแล้วครับ มีคนบอกหลายคนว่าธรรมชาติสวยมาก วัฒนธรรมก็ดี เทคโนโลยีล้ำ เดินทางสะดวกปลอดภัย อาหารอร่อย ผมเองยังอยากกลับไปกินซูชิทุกเดือนๆ เลย ( ถ้ามีตังค์นะคร้าบ ฮ่าๆ...)
แต่ถ้าพูดเรื่องการเป็นอยู่รวมถึงการทำงานที่สังคมคนทำงานญี่ปุ่น ค่อนข้างลำบากนะ ก่อนอื่นเลยเรื่องระยะเวลาในการทำงานที่ค่อนข้างยาวนานในแต่ละวันๆ การหางานที่ยากลำบาก คนญี่ปุ่นเองยังหางานทำยากเลย ถ้าคนต่างชาติที่ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นก็จะยิ่งหางานยากเข้าไปอีก แต่ถ้าคุณสนใจญี่ปุ่นจริงๆ อาจจะไปเรียนภาษาไปด้วย หางานเล็กๆ น้อยๆ ไป เที่ยวไปด้วยแบบนี้คงยังสนุกอยู่
แต่ถ้าภาษาญี่ปุ่นคุณดีมาก ผมว่าคุณกลับมาทำงานที่ใช้ภาษาญี่ปุ่นที่เมืองไทยดีกว่าเพราะคุณภาพชีวิต สวัสดิการคุณจะดีมากๆ บางท่านอาจจะยังไม่เชื่อนัก แต่ที่ญี่ปุ่นมีอย่างหนึ่งที่ต่างจากเมืองไทยนิดหน่อยเรื่องจบการศึกษา เคยได้ยินเพื่อนบอกว่า ' ที่เมืองไทยถ้าไม่จบมหาวิทยาลัยจะหางานดีๆ ยาก แต่ที่ญี่ปุ่นถึงจะจบมหาวิทยาลัยก็หางานดีๆ ยาก ' ครับ
ตัวอย่างที่จะนำมาพูดนะครับ
นี่คือเวปไซต์ของมหาวิทยาลัยเกียวโต สำหรับการหางาน http://www.kyoto-u.ac.jp/ja/education-campus/job/syusyoku/documents/008.pdf
ข้อเขียนข้อที่ 6 สำหรับเอกสารของนักศึกษาที่หางานทำ จากเวปไซต์นี้บอกว่า บริษัทญี่ปุ่นชอบ Generalist มากกว่า Specialist แนวโน้มที่คนจบมหาวิทยาลัยแล้วจะสามารถหางานดีๆ ยากขึ้นทุกที สำหรับคำว่า Generalist ของบริษัทญี่ปุ่นไม่ได้หมายความว่า เป็นคนที่สามารถพูดภาษาต่างประเทศได้หลายภาษา เก่งกาจเลิศเลอ หรือเป็นผู้ที่สามารถติดต่อประสานงานกับต่างประเทศได้ ไม่ใช่ความหมายเหล่านี้เลยครับ ความหมายในที่นี้คือคนที่ทำงานอึด ทน ถึก ทุ่มเทให้องค์กร ไปเล่นกอล์ฟได้แต่เช้าตรู่แม้ว่าเมื่อคืนจะทำงานกลับดึกๆ ดื่นๆ ร้องคาราโอเกะได้เข้ากับทีมทั้งทีมที่ร้องเพลงเก่าเพลงใหม่ เพลงลูกทุ่ง ประมาณนี้ครับ
สำหรับอิมเมจของมหาวิทยาลัยเกียวโต ผมบอกเลยว่าเป็นมหาวิทลัยดังระดับประเทศ เข้ายากมาก ทุกคนที่นั่นหัวดี เปรียบเหมือนมหาวิทยาลัยอันดับสองของประเทศเลยครับ ถ้าเทียบกับประเทศไทย มหาวิทยาลัยโตเกียว กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกียวโต เป็นมหาวิทยาลัยต่างจังหวัดที่เก่งมากๆ คงเปรียบประมาณมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ละมังครับ อยากถามจังว่าเพื่อนๆ ที่เรียนจบปริญญาตรี ปริญญาโท สมมุติที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เคยมีเวปไซต์เตือนไหมครับว่า ' แม้ว่าพวกคุณจะจบปริญญา พวกคุณอาจจะไม่มีงานทำ' ....
พูดถึงปัจจุบันนักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยโตเกียวเอง อาจหางานทำเป็นข้าราชการ ธนาคาร หรือที่ปรึกษา แต่ถ้าหางานไม่ได้จริงๆ บางคนก็ต้องมาทำงานพาร์ทไทม์ตามร้านสะดวกซื้อ แบบนี้ก็มี บางคนทำงานร้านปาจิงโกะ ร้านขายรถมือสอง หรือผู้จัดการร้านอาหาร บาร์เบียร์ ซึ่งงานประเภทนี้เหนื่อยขาดใจเลยครับเพื่อนๆ เอ๋ย ทำงานสิบกว่าชั่วโมง ถ้าเด็กพาร์ทไทม์ในร้านไม่มาตัวเองก็ต้องยิ่งเหนื่อย เวลากินเวลานอนก็น้อย บางทีต้องใช้เวลาวันหยุดตัวเองที่มีอยู่น้อยนิดมาทำงานเอกสารของร้านส่งรายงานบริษัทแม่ ช่างน่าสงสารมากครับ
ส่วนพวกจบสายศิลป์ มหาวิทยาลัยวาเซดะ หรือมหาวิทยาลัยเคโอ ก็ไม่ค่อยมีงาน เลยเรียนต่อปริญญาโท แต่ยิ่งแย่กว่าเดิมคือจบมาไม่มีงานรองรับ จากนั้นเขาจะทำอย่างไร ก็วนลูปเหมือนเดิมหางานที่เป็นแรงงาน หรือแย่กว่านั้น เรื่องการหางานที่ยากลำบากและทำงานที่ไม่ตรงกับสิ่งที่จบออกนี้มาเพื่อนๆ เห็นว่าอย่างไรบ้างครับ ผมจะรออ่านความคิดเห็นนะครับ
วันนี้อาจจะเป็นเรื่องหนักๆ หน่อย เพื่อนๆ ที่อยากไปทำงานที่ญี่ปุ่นคิดถึงเรื่องที่ผมเล่าสักนิดครับว่าแนวโน้มการหางานยากจริงๆ ถ้าท่านใดมีคำถามอะไรเกี่ยวกับญี่ปุ่นก็นำเสนอมาได้นะครับ เช่น ทำไมคนญี่ปุ่นชอบกินโซบะราเมนเสียงดังๆ (คลิกอ่าน ทำไมคนญี่ปุ่นถึงรัก "โซบะ"?) หรือทำไมคนญี่ปุ่นต้องใส่เสื้อซับสองชั้น เป็นต้น สำหรับวันนี้สวัสดีครับ