ในช่วงวันหยุดวันชาติของจีนปีนี้ นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเยือนญี่ปุ่นมากเป็นประวัติการณ์ ถึงแม้ปัญหาเรื่องมารยาทและพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวแดนมังกร จะทำให้เจ้าบ้านหลายประเทศเหนื่อยหน่ายใจ หากแต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า “พลังซื้อ” ของนักท่องเที่ยวจีนกลายเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของญี่ปุ่นและอีกหลายประเทศ
เพียงเวลาแค่ 1 สัปดาห์ช่วงวันหยุดเทศกาลวันชาติ ปีนี้ สถานที่ท่องเที่ยวแทบทุกแห่งในญี่ปุ่นคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวจีน หน่วยงานของญี่ปุ่นประเมินคร่าวๆว่า นักท่องเที่ยวจีนที่มายังแดนอาทิตย์อุทัยจะทุบสถิติมากกว่าในช่วงตรุษจีน และครองสัดส่วนมากถึง60% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทุกประเทศที่มาเยือนญี่ปุ่น
ทุบสถิติเพิ่มขึ้นกว่า 100% ใช้จ่ายมากกว่าประเทศอื่น 2 เท่าตัว
สถิติขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น ระบุว่า นักท่องเที่ยวจีนครองอันดับที่ 1 ทั้งในแง่จำนวนนักท่องเที่ยวและการใช้จ่ายเงิน โดยนักท่องเที่ยวประเทศอื่นมักเดินทางมาญี่ปุ่นตามเทศกาลและวันหยุดของประเทศตนเอง หากแต่นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาอย่างไม่ขาดสาย และมีอัตราการเพิ่มจำนวนมากกว่า 100% โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาญี่ปุ่นมากกว่า 3ล้าน 3แสนคน
หากแต่สิ่งที่สำคัญกว่าจำนวนนักท่องเที่ยว คือ การใช้จ่ายเงิน ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนก็ครองสถิติใช้เงินมากที่สุด โดยเฉลี่ยกว่า 2แสน 4หมื่นเยน (80,000บาท) ต่อคน สูงกว่านักท่องเที่ยวชาติอื่นถึง 2 เท่าตัว
ระเบิดพลังซื้อ ชุบชีวิตธุรกิจญี่ปุ่น
สื่อมวลชนญี่ปุ่นแทบทุกสำนักต่างพาดหัวข่าวการมาเยือนของนักท่องเที่ยวจีนด้วยคำเดียวกัน คือ 爆買い “บะคุไค” ซึ่งเป็นคำที่สร้างขึ้นจากการรวมคำว่า “ระเบิด” และ “ซื้อ”
พลังซื้อของนักท่องเที่ยวจีนได้ชุบชีวิตธุรกิจของญี่ปุ่นที่ซบเซามาตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว ห้างสรรพสินค้าที่เคยร้างผู้คนและยอดขายตกต่ำต่อเนื่อง พลิกกลับมามีกำไรอีกครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ห้างสรรพสินค้าต่างๆของญี่ปุ่นจะไม่พลาดโอกาสทอง โดยติดป้าย “ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน” หรือ “สุขสันต์วันชาติจีน” รวมทั้งจัดบริการสินค้าพิเศษและพนักงานที่พูดภาษาจีนได้เพื่อต้อนรับลูกค้าจากแดนมังกร
ร้านขายยา เป้าหมายใหม่ของนักซื้อแดนมังกร
ความพิเศษของนักช็อปชาวจีนอีกเรื่องหนึ่ง คือ ซื้อสินค้าแทบทุกอย่าง แม้กระทั่งของบางอย่างที่ไม่น่าเชื่อว่าจะซื้อ เช่น หม้อหุงข้าว, กาต้มน้ำ, ที่นั่งชักโครก, ข้าวสาร ไปจนถึง เครื่องสำอางค์และยาต่างๆ, พลาสเตอร์ปิดแผล, ยาสีฟัน บางคนซื้อแม้กระทั่งกับดักแมลง และถุงยางอนามัย
พลังซื้อของนักท่องเที่ยวจีนทำให้ร้านขายและและเครื่องสำอางค์ของญี่ปุ่น มีอัตราการเติบโตมากกว่า 100% นักช็อปชาวจีนหลายคนทำสถิติยอดซื้อในร้านขายยาสูงถึง 1แสนเยน (ราว 30,000บาท)
ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะเผชิญมรสุมลดอัตราการเจริญเติบโตลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะตลาดหุ้นที่สะเทือนอย่างหนักตั้งแต่เดือนกันยายน ที่ผ่านมา หากแต่กลับไม่มีผลกระทบต่อพลังซื้อของนักท่องแต่อย่างใด
ผู้เชี่ยวชาญเรื่องจีน ระบุว่า ชาวจีนเสื่อมความเชื่อถืออย่างหนักต่อสินค้าในประเทศตัวเอง หากแต่สินค้านำเข้าที่จำหน่ายในประเทศจีนนั้นจะมีราคาแพงถึง 2-3 เท่าตัว ดังนั้นนักท่องเที่ยวจีนจึงไม่พลาดโอกาสที่จะช็อปปิ้ง “ของดีราคาถูก” ในต่างแดน โดยแม้กระทั่งสินค้าบางอย่างจะตีตรา Made in China แต่นักท่องเที่ยวจีนก็ยังเชื่อว่าสินค้าเหล่านี้มีคุณภาพดีกว่าที่จำหน่ายในประเทศจีน
ฮ่องกง,เกาหลี ส่อแววแพ้
หลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นผ่อนปรนเงื่อนไขวีซ่าเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน ประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ ฮ่องกงและเกาหลีใต้ ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอย่างชัดเจน โดยฮ่องกงถึงแม้จะสะดวกในการเดินทาง แต่สินค้าแทบทุกอย่างต้องนำเข้า ซ้ำแหล่งท่องเที่ยวก็มีจำกัด
ส่วนเกาหลีใต้ นักท่องเที่ยวจีนระบุว่า อาหารไม่ถูกปาก รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวและอัธยาศัยของผู้คนสู้ญี่ปุ่นไม่ได้ ทั้งสองประเทศนี้จึงไม่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนให้กลับมาเยือนซ้ำ และจับจ่ายใช้สอยได้มากเหมือนกับญี่ปุ่น
วิกฤตในโอกาส
ถึงแม้เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะได้ประโยชน์อย่างมากจากนักท่องเที่ยวจีน แต่ในขณะเดียวกัน ความแตกต่างด้านวัฒนธรรมและพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนก็ทำให้ชาวญี่ปุ่นเอือมระอาไม่น้อย ยิ่งเมื่อทั้งสองชาติมี “บาดแผลทางประวัติศาสตร์” ด้วยแล้ว ความคับข้องใจเล็กๆน้อยๆก็อาจปะทุกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้
รัฐบาลจีนและญี่ปุ่นต่างรู้ดีว่า ทั้งสองประเทศต้องพึ่งพากันและกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันก็หวังจะใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือทางการเมือง ที่ไม่เพียงสร้างความผูกพันแต่อาจยกระดับไปถึงขั้น “พึ่งพิงทางเศรษฐกิจ” เพื่อสร้าง “อำนาจละมุน” ที่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่งได้โดยไม่ต้องใช้อาวุธหรือเสียเลือดเนื้อแม้แต่นิดเดียว.