รัฐสภาญี่ปุ่นพบกับความอลหม่านครั้งใหญ่ หลังสมาชิกพรรคฝ่ายค้านรวมทั้งกลุ่มประชาชนผู้ประท้วงพยายามคัดค้านการผลักดันร่างกฎหมายความมั่นคงของรัฐบาล ซึ่งจะเปิดทางให้ทหารญี่ปุ่นมีบทบาทในการเข้าร่วมสงครามได้ แต่ในที่สุดพรรครัฐบาลก็ลงมติผ่านกฎหมายในชั้นคณะกรรมาธิการวุฒิสภาได้
การประชุมวุฒิสภาของญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ปั่นป่วนอย่างยิ่งถึงขนาดที่เกิดเหตุตะลุมบอนขึ้น เมื่อสมาชิกพรรคฝ่ายค้านตรงเข้ากลุ้มรุมคณะกรรมาธิการความมั่นคง และฉีกทำลายเอกสารร่างกฎหมายความมั่นคงที่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีชินโซ อะเบะ มุ่งมั่นจะผลักดันให้ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาให้ได้
ร่างกฎหมายความมั่นคงจะเปิดทางให้ญี่ปุ่นสามารถใช้สิทธิในการป้องกันตนเองร่วมกับประเทศพันธมิตรได้ ซึ่งหมายถึงสามารถเข้าร่วมรบในต่างแดนได้ ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการขัดรัฐธรรมนูญของญี่ปุ่น หากแต่นายอะเบะระบุว่า ญี่ปุ่นจำเป็นต้องเพิ่มศักยภาพของกองทัพเพื่อรับมือภัยคุกคามจากจีน
เนื่องจากพรรครัฐบาลครองเสียงข้างมากในรัฐสภาจึงผลักดันกฎหมายให้ผ่านได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อมาถึงชั้นของวุฒิสภาที่ต้องการเสียงมากถึง 2ใน3 พรรครัฐบาลก็ได้จับมือกับพรรคการเมืองขนาดเล็กเพื่อผลักดันร่างกฎหมายนี้ ทำให้บรรดาสมาชิกพรรคฝ่ายค้านทำได้เพียงถ่วงเวลากระบวนการพิจารณา โดยเมื่อการประชุมเริ่มขึ้นพรรคฝ่ายค้านได้ยื่นญัติไม่ไว้วางใจประธานวุฒิสภา แต่ก็ถูกสมาชิกรัฐสภาลงมติคว่ำไป
และเมื่อไม่มีหนทางอื่นใด บรรดาสมาชิกพรรคฝ่ายค้านก็เลือกที่จะใช้กำลังเข้าขวางการพิจารณา โดยทำให้การประชุมต้องระงับไปนานกว่า 15 ชั่วโมง
ขณะที่ด้านนอกรัฐสภาก็ปั่นป่วนไม่แพ้กัน โดยผู้ประท้วงได้นอนลงกลางถนนเพื่อขวางทางไม่ให้ขบวนรถของคณะกรรมาธิการผ่านเข้าไปลงมติในรัฐสภาได้ จนเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ขอคืนพื้นที่ได้สำเร็จในที่สุด โดยขบวนรถของคณะกรรมาธิการต้องใช้เวลานานกว่า 40 นาทีกว่าจะผ่านการขัดขวางของผู้ประท้วงด้วยระยะทางเพียงแค่ 100 เมตร
อย่างไรก็ตาม ในที่สุด สมาชิกรัฐสภาพรรครัฐบาลและพันธมิตรก็สามารถผลักดันให้คณะกรรมาธิการวุฒิสภารับรองร่างกฎหมายความมั่นคงได้ และจะส่งเข้าสู่การความเห็นชอบในการประชุมเต็มคณะของวุฒิสภาภายในสิ้นสัปดาห์นี้
บรรดาหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน 5 พรรคกล่าวว่า พร้อมที่จะใช้กลยุทธ์อื่นๆ เพื่อขัดขวางไม่ให้ชุดร่างกฎหมายความมั่นคงผ่านการลงคะแนนขั้นสุดท้าย ด้วยการยื่นญัตติไม่ไว้วางใจต่อคณะรัฐมนตรี รวมทั้งอภิปรายให้นายกรัฐมนตรีชินโซ อะเบะแสดงความรับผิดชอบ.