ปรงสีฟันที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันถูกออกแบบมาให้มีลักษณะการใช้งานที่หลากหลายหรือเหมาะสมกับความต้องการใช้งานในหลากหลายรูปแบบ บางชนิดก็มีขนแปรงที่นุ่ม เล็ก ซอกซอน สามารถทำความสะอาดในจุดที่ลึกที่สุดในช่องปากของคุณได้ แต่นอกเหนือจากการเลือกซื้อแปรงสีฟันที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลแล้ว การทราบอายุการใช้งานก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน
ซึ่งหากสำรวจดูแล้วอาจพบว่าคนส่วนใหญ่หลงลืมที่จะเปลี่ยนแปรงสีฟันตามเวลาที่เหมาะสม ทำให้แปรงสีฟันไม่สามารถทำหน้าที่ในการทำความสะอาดซอกฟันได้อย่างหมดจดตลอดเวลานอกเหนือจากคุณสมบัติในเรื่องของการทำความสะอาดฟันแล้ว การไม่เปลี่ยนแปรงสีฟันตามเวลาที่กำหนดอาจส่งผลเสียร้ายแรงมากกว่านั้น ซึ่งเราจะมาอธิบายให้คุณได้ทราบ และเกิดความคิดที่จะเปลี่ยนแปรงสีฟันให้ถูกต้องกันค่ะการใช้แปรงสีฟันอันเดิมนานๆถือเป็นการสร้างแหล่งที่อยู่ของเชื้อโรค ซึ่งเชื้อโรคที่สะสมบนแปรงสีฟันสามารถเข้าสู่กระแสเลือดของผู้ใช้งานได้หากเกิดบาดแผลภายในปากหรือบริเวณเหงือก เชื้อโรคเหล่านี้จะเดินทางเข้าสู่ร่างกายได้อย่างง่ายดาย และทำให้ผู้ใช้งานเจ็บป่วยหรือเป็นโรคที่คุณไม่คาดคิดได้ ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ เชื้อโรคที่เกิดขึ้นสามารถที่จะพัฒนาตัวเองให้กลายเป็นเชื้อโรคที่ร้ายแรงมากขึ้นได้ เชื้อโรคที่ร้ายแรงอาจทำให้เกิดโรคติดต่อที่ยากที่จะรักษา ไม่ว่าจะเป็น โรคไวรัสตับอักเสบชนิดเอ บี หรือซี รวมไปถึงโรคร้ายแรงอื่นๆที่คุณอาจจะคาดไม่ถึงด้วย แต่ยังไม่สายเกินไปหากคุณต้องการที่จะรักษาแปรงสีฟันให้ใช้ได้นาน และมีเชื้อโรคสะสมน้อยที่สุด ซึ่งจะต้องมีวิธีการในการดูแลแปรงสีฟันที่ถูกต้องและอย่าปล่อยให้แปรงสีฟันตกพื้นหรือมีน้ำสกปรกกระเด็นไปโดน เพราะนั่นจะทำให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคมากขึ้นไปอีก
เราขอแนะนำให้คุณดูแลแปรงสีฟันด้วยหลักการ ดังต่อไปนี้ค่ะ
1. เปลี่ยนแปรงสีฟันอันใหม่ทุกๆ 6 เดือน
ว่ากันว่าแปรงสีฟันมีอายุการใช้งานที่จำกัด ประสิทธิภาพในการกำจัดคราบสกปรกหรือคราบพลัคจะลดลงเมื่อใช้แปรงเป็นเวลานานขึ้น ดังนั้น ทันตแพทย์จึงมักจะแนะนำให้เปลี่ยนแปรงสีฟันทุกๆ 6 เดือน ทั้งนี้ ต้องพิจารณาสภาพของแปรงสีฟันของแต่ละท่านด้วย เพราะอายุการใช้งานอาจต่างกัน
2. ใช้ยาสีฟันที่ดี
การเลือกยาสีฟันก็มีส่วนสำคัญในการถนอมฟันของเราได้เช่นกัน โดยยาสีฟันที่ดีไม่ได้มีแค่กลิ่นหอม แต่ควรจะต้องมีส่วนประกอบของไตรโคซานซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำความสะอาดช่องปาก ดังนั้น การเลือกใช้ยาสีฟันครั้งต่อไป อย่าเลือกเพียงเฉพาะยาสีฟันที่มีกลิ่นหอม หรือมีรสชาติดีเท่านั้น แต่ควรเลือกใช้ยาสีฟันที่มีสารสำคัญที่จะช่วยถนอมรักษาฟันของเราได้ด้วย
3.การดูแลแปรงสีฟัน
แน่นอนว่าปากหรือฟันจะสะอาดได้ หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คงหนีไม่พ้นอุปกรณ์ หากเรามีอุปกรณ์ในการทำความสะอาดที่เหมาะสม และมีวิธีการในการดูแลอุปรณ์ที่ดีก็ยิ่งช่วยให้ส่งผลที่ดีต่อร่างกาย ดังนั้น สิ่งที่ควรทำทุกครั้งหลังจากแปรงฟันเสร็จ ก็คือ การล้างแปรงสีฟัน การล้างด้วยน้ำเปล่าแบบลวกๆคงยังไม่เพียงพอ แต่ควรต้องล้างแปรงสีฟันด้วยน้ำร้อนหรือไฮโดรเจนเพื่อช่วยฆ่าเชื้อโรคเพิ่มเติม นอกจากนี้ ต้องไม่ลืมที่จะเก็บแปรงสีฟันให้แห้งอยู่เสมอ ทั้งนี้ ไม่ควรเก็บแปรงสีฟันเอาไว้ในกล่องที่ปิดผนึกสนิท แต่ควรปล่อยให้มีอากาศถ่ายเทเพื่อป้องกันการเกิดแบคทีเรียบนแปรงสีฟัน
4.อย่าหยิบผิด
แปรงสีฟันเป็นของใช้ส่วนตัวที่ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะใช้ร่วมกับผู้อื่นแม้ว่าจะสนิทสนมกันมากเท่าใดก็ตาม รวมไปถึงต้องระมัดระวังการหยิบใช้ อย่าหลงลืมหรือหยิบสลับกับคนอื่น ไม่เพียงแค่นั้น ต้องคำนึงถึงการวางแปรงสีฟันในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมด้วย เพราะหากวางแปรงสีฟันรวมๆไว้กับคนอื่น อาจทำให้ขนแปรงสีฟันของเราสัมผัสกับแปรงสีฟันคนอื่น ซึ่งจะทำให้เกิดการถ่ายโอนแบคทีเรียจากแปรงที่สกปรกไปยังแปรงที่สะอาดได้เช่นกัน ซึ่งก็จะมีผลให้เราได้รับเชื้อโรคจากคนอื่นแม้ว่าจะไม่ได้เข้าใกล้หรือใช้แปรงสีฟันร่วมกันก็ตาม
5.เปลี่ยนเมื่อป่วย
แม้ว่าจะยังไม่ครบอายุการใช้งานของแปรงสีฟัน แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณมีอาการป่วยอย่างหนักหรือติดเชื้อในช่องปาก หลังจากที่อาการที่เป็นอยู่หายดีแล้ว ก็แนะนำให้เปลี่ยนแปรงสีฟันอันใหม่ก่อน เพราะเชื้อโรคอาจจะหลงเหลืออยู่ตามขนแปรงและทำให้คุณติดเชื้อเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีกก็เป็นได้