xs
xsm
sm
md
lg

เด็กฮิตเคี้ยวหมากฝรั่ง-อมลูกอมดับกลิ่นปาก เสี่ยงเจอมะเร็ง!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เด็กเกินครึ่งนิยมเคี้ยวหมากฝรั่ง อมลูกอมดับกลิ่นปาก กรมอนามัยชี้เข้าใจผิดอย่างแรง ระบุช่วยให้มีกลิ่นหอมชั่วคราว แต่เสี่ยงได้รับอันตรายจากสารในหมากฝรั่งและลูกอมจนเกิดมะเร็ง เป็นอันตรายต่อสมอง ต่อมไทรอยด์ ตับ และไต ได้ หากรับสารมากเกินไป แนะแปรงฟันด้วยสูตร 222

เด็กฮิตเคี้ยวหมากฝรั่ง-อมลูกอมดับกลิ่นปาก เสี่ยงเจอมะเร็ง!!

นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการสุ่มสำรวจการบริโภคอาหารว่างและเครื่องดื่ม การดูแลสุขภาพช่องปาก และสภาวะทันตสุขภาพของเยาวชนในโรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วประเทศปี 2556 ของกรมอนามัย พบว่า ร้อยละ 55.1 นิยมเคี้ยวหมากฝรั่ง และร้อยละ 42.3 อมลูกอม เพื่อระงับกลิ่นปาก โดยเข้าใจผิดว่าจะช่วยลดกลิ่นปาก แต่ความจริงแล้วมีกลิ่นหอมเพื่อกลบกลิ่นปากชั่วคราวเท่านั้น นอกจากนี้ ยังอาจได้รับอันตรายจากสารเคมีที่เป็นส่วนประกอบของหมากฝรั่งและลูกอมมากเกินไป เช่น สารกันเสีย สารให้ความหวานแทนน้ำตาลเอสปาร์แตม ซึ่งหากบริโภคมากเกินกว่า 50 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน อาจก่อให้เกิดมะเร็งและอันตรายต่อสมองได้ รวมทั้งสารที่ให้รสชาติเหมือนน้ำตาลจริงและให้พลังงานต่ำ เช่น ซูคลาโลส หากได้รับมากเกิน 15 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน จะเป็นอันตรายต่อต่อมไทยรอยด์ ตับ และไต ได้เช่นกัน

นพ.พรเทพ กล่าวว่า การลดกลิ่นปากที่มีประสิทธิภาพต้องดูแลและทำความสะอาดช่องปากเป็นประจำตามสูตร 222 คือ แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ เช้าและก่อนนอน แปรงฟันนานอย่างน้อย 2 นาที เพื่อให้สะอาดทั่วทั้งปากทุกซี่ ทุกด้าน และให้ฟลูออไรด์ได้ใช้เวลาทำปฏิกิริยากับฟันเพื่อป้องกันฟันผุอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงปล่อยให้ปากสะอาดไม่กินขนมหวาน น้ำอัดลมหลังแปรงฟัน 2 ชั่วโมง หากให้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟันวันละครั้ง ก็จะดีต่อสุขภาพช่องปากของเยาวชนและคนวัยหนุ่มสาวมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ แนะนำให้แปรงลิ้นด้วยจะช่วยลดกลิ่นปากได้ดี รวมทั้งการจิบน้ำเปล่าบ่อยๆ ก็จะช่วยรักษาสุขภาพกายและคงความสดชื่นของปากได้ แต่ถ้ามีเหงือกอักเสบ หินปูน หรือฟันผุ ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที

“วิธีทดสอบกลิ่นปากอย่างง่ายๆ ให้เอามือปิดปากและจมูก เป่าลมแรงๆ ออกจากปาก หรือใช้วิธีเลียที่ข้อมือและดมดู เมื่อทดสอบดูแล้วพบว่ามีกลิ่นปากก็สามารถป้องกันได้ตามสาเหตุ เช่น หากมีฟันผุเป็นรูควรไปรักษาด้วยการอุดฟัน และหมั่นดูแลทำความสะอาดในช่องปากด้วยการแปรงฟันที่ถูกวิธีเพื่อลดปัญหาฟันผุ ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียฟันในวัยเด็กที่อาจสะสมจนกลายเป็นการสูญเสียฟันทั้งปากในวัยสูงอายุตามมาได้” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น