ฉีดฟิลเลอร์เสี่ยงตาบอด!!
นพ.ไพศาล ร่วมวิบูลย์สุข นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านเวชกรรม สาขาจักษุวิทยา รพ.ราชวิถี กรมการแพทย์ ในฐานะประธานราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า แม้แพทยสภาจะไม่ห้ามการใช้ฟิลเลอร์ชนิดสลายตัว เช่น ไฮยาลูโรนิค แอซิด เหมือนอย่างชนิดไม่สลายตัว เช่น ซิลิโคนเหลว แต่ฟิลเลอร์ชนิดสลายตัวก็ยังมีอันตราย โดยบางรายพบผิวหนังตายบริเวณที่ฉีด และเกิดภาวะตาบอด ซึ่งผลข้างเคียงที่เกิดจากการฉีดสารฟิลเลอร์มีตั้งแต่รุนแรงน้อยไปถึงมาก เช่น การอักเสบติดเชื้อบริเวณที่ฉีด การเกิดก้อนแข็งเป็นไต แผลเป็นที่ใบหน้า ใบหน้าเสียรูปถาวร ไปจนถึงตาบอด และอัมพฤกษ์ อัมพาต แม้แต่การฉีดด้วยไขมันของตนเองก็เกิดได้เช่นกัน
นพ.ไพศาล กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ทำให้ตาบอด เพราะเส้นเลือดบนใบหน้ามีการเชื่อมต่อกับเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงตาและสมอง หากสารฟิลเลอร์หลุดเข้าไปในกระแสเลือด จะเกิดการอุดตันของเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงดวงตา ส่งผลให้จอตา ขั้วประสาทตาขาดเลือด สูญเสียการมองเห็นถึงขั้นตาบอด ยิ่งไปกว่านั้นอาจเกิดการอุดตันของเส้นเลือดสมอง ทำให้สมองขาดเลือด เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต การรักษาผลแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นเหล่านี้ทำได้ยาก เนื่องจากเนื้อเยื่อจะขาดเลือดและตายภายในเวลาไม่กี่นาทีหลังจากเส้นเลือดอุดตัน
“ที่ผ่านมาประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วยเกิดผลข้างเคียงทางตาจากการฉีดสารฟิลเลอร์ โดยเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์บริเวณรอบดวงตา เช่น ดั้งจมูก ขมับ หน้าผาก ผู้ป่วยเกิดการสูญเสียการมองเห็นหลายระดับ บางรายตาบอดสนิท การตรวจตาพบว่ามีการอักเสบในตา จอประสาทตาซีด ขั้วประสาทตาบวม จากการขาดเลือดมาเลี้ยงที่ตา มีผู้ป่วยที่การอุดตันของเส้นเลือดที่สมองร่วมด้วย ซึ่งทำให้หมดสติทันทีหลังได้รับการฉีด เมื่อผู้ป่วยรู้สึกตัวพบว่าเป็นอัมพฤกษ์ และตาบอดสนิทหนึ่งข้าง” นพ.ไพศาล กล่าว
นพ.ไพศาล กล่าวด้วยว่า ที่ประเทศไทยเราพบภาวะตาบอดหลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้วมากกว่าสิบราย ที่เกาหลี มีรายงาน 44 ราย ที่สหรัฐอเมริกามีรายงาน 3 ราย ตีพิมพ์ในวารสารทางจักษุวิทยาที่เชื่อถือได้ ผลแทรกซ้อนรุนแรงที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ที่กล่าวมานี้ แม้โอกาสเกิดขึ้นน้อย แต่หากเกิดขึ้นแล้วรักษายาก อาจทำให้เกิดการสูญเสียการมองเห็นและทุพพลภาพอย่างถาวรได้ ผู้ที่ต้องการรับการฉีดสารฟิลเลอร์จึงควรศึกษาถึงข้อมูลต่างๆ ข้อดี ข้อเสีย และควรตระหนักถึงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ ก่อนตัดสินใจเสริมความงามด้วยการฉีดฟิลเลอร์