1. ขวดน้ำพลาสติก
จากผลการวิจัยชี้ว่า ขวดน้ำพลาสติกที่เราพกติดกระเป๋าเอาไว้ดื่มแก้กระหาย ไม่ปลอดภัยตั้งแต่ผลิตออกมาจำหน่ายให้เราแล้ว เพราะในพลาสติกอ่อนจะมีสารพาทาเลต (phthalates) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งตัวจี๊ดที่อันตรายมาก อีกทั้งยังเป็นสารที่ก่อกวนฮอร์โมนในร่างกายเราให้ปั่นป่วน และขัดขวางการทำงานของภาวะเจริญพันธุ์อีกด้วย ที่สำคัญเจ้าสารตัวนี้ก็สามารถละลายปะปนเข้ากับน้ำดื่มในขวดได้ไม่ยาก เวลาเราดื่มน้ำจึงอาจจะดื่มเอาสารพิษนี้เข้าไปด้วยโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นหากเป็นไปได้ก็ควรจะเลือกดื่มน้ำจากขวดแก้ว หรือขวดโลหะดีกว่า หนักหน่อยแต่ก็ปลอดภัยต่อสุขภาพกว่ามากเลยนะคะ
2. เครื่องสำอาง
ส่วนใหญ่ผู้หญิงมักจะมีเครื่องสำอางอีกชุดหนึ่ง ไว้สำหรับเติมหน้าระหว่างวันในกระเป๋า และเมื่อใส่เข้าไปในกระเป๋าแล้ว น้อยคนนักที่จะคอยตรวจสอบวันหมดอายุการใช้งาน หรือคิดจะนำฟองน้ำและแปรงออกมาทำความสะอาดฆ่าเชื้อ ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่า บรรดาเครื่องสำอางในกระเป๋า จะสะสมเชื้อโรคและแบคทีเรียไว้เท่าไร ยิ่งได้หลบซ่อนอยู่ในกระเป๋าใบเล็ก ๆ ที่ทั้งมืด แคบ และมีความชื้น เจ้าเชื้อโรคก็ยิ่งดี๊ด๊า เจริญเติบโตและแพร่พันธุ์ได้ดีเป็นทวีคูณ
โดยเฉพาะขวดมาสคาร่า ที่ลำพังไม่ได้หมดอายุก็มีเชื้อโรคสะสมอยู่มากพอตัวแล้ว เนื่องจากในหลอดมาสคาร่ามีอุณหภูมิ ความชื้น และบรรยากาศที่เหมาะสมต่อการขยายพันธุ์ของเชื้อโรค ฉะนั้นหากไม่อยากติดเชื้อที่ดวงตา ก็ควรใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งยวดทุกครั้งที่ปัดมาสคาร่าด้วย หรือทางที่ดี ต้องหมั่นตรวจสอบเครื่องสำอาง และทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้าทุกชิ้นให้สะอาดอยู่เสมอ
กระเป๋า
3. ทิชชูและผ้าเช็ดหน้าที่ใช้แล้ว
พอได้เปิดกระเป๋าสำรวจข้าวของกันบ้างแล้ว ก็เชื่อว่าหลายคนคงได้เห็นเศษกระดาษทิชชู และผ้าเช็ดหน้าที่ผ่านการใช้งานมาแล้วไม่มากก็น้อย และนี่ล่ะค่ะที่เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและแบคทีเรียชั้นดีที่สุดอีกอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะเชื้อโรคหวัด ซึ่งถ้าหากใช้กระดาษทิชชูแล้วไม่เก็บทิ้งออกจากกระเป๋า ทุกครั้งที่เราใช้มือล้วงเข้าไปในกระเป๋า ก็จะเป็นการกระจายเชื้อโรคและแบคทีเรียให้คลุกเคล้าอย่างทั่วถึงไปทั้งกระเป๋า
นอกจากนี้มือของเราก็จะพกเชื้อโรคเหล่านี้ติดมาด้วยอีกต่างหาก ดังนั้นเพื่ออนามัยที่ดี เราควรจะใช้ทิชชูแล้วทิ้งเลยทันที และอย่าเก็บผ้าเช็ดหน้าไว้ในกระเป๋าจะดีกว่า หรือไม่ก็แนะนำให้พกทิชชูเปียก ชนิดที่มีฝาปิดมิดชิดแทน จะได้เอาไว้ใช้เช็ดทำความสะอาดมือทุกครั้งที่สัมผัสกับสิ่งสกปรก
4. โทรศัพท์มือถือ
เครื่องมือสื่อสารสุดสะดวกที่ทุกคนมีใช้กันอย่างแพร่หลายก็ติดโผเป็นหนึ่งสิ่งของที่สกปรกที่สุดในกระเป๋าถือเช่นกัน ด้วยเพราะเราพกโทรศัพท์มือถือติดตัวไปด้วยทุกที่ จิ้มเล่นเกือบตลอดเวลา อีกทั้งทุกครั้งที่เราหยิบจับใช้งาน เราก็ไม่ได้ล้างมือก่อนจะใช้โทรศัพท์ แถมบางทียังเผลอไปวางไว้บนพื้นที่ที่มีเชื้อโรคและความสกปรกติดอยู่เสียด้วยซ้ำ ฉะนั้นต่อไปนี้ก็ควรเก็บมือถือไว้ในซองต่างหาก และหมั่นเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งก็จะดีมากเลยล่ะ
กระเป๋าถือผู้หญิง
5. ตัวกระเป๋าถือเอง
แหล่งสะสมเชื้อโรคมากที่สุดก็เห็นจะเป็นตัวกระเป๋าถือเอง ซึ่งเป็นที่รวบรวมของที่มีเชื้อโรคและแบคทีอย่างละนิดละหน่อยเข้าด้วยกัน ยิ่งถ้าเป็นกระเป๋าถือใบใหญ่ ๆ ก็ยิ่งมีพื้นที่ให้เราใส่ของได้มากชิ้น เปิดโอกาสให้เชื้อโรคเข้ามาอยู่รวมกันในกระเป๋าได้มากขึ้น นอกจากนี้กระเป๋าถือยังเป็นของที่เราพกติดตัวไปไหนมาไหนด้วยทุกที่ และบางทีเราก็วางกระเป๋าทิ้งไว้ตามพื้นที่ต่าง ๆ จึงมีโอกาสที่เชื้อโรคจะกระโดดมาเกาะอาศัยอยู่ที่กระเป๋าถือของเราได้มากขึ้นนั่นเอง
6. เงิน
ทั้งแบงก์และเหรียญชนิดต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและแบคทีเรีย ที่สามารถทำลายสุขภาพดี ๆ ของเราได้เช่นกัน เพราะเป็นสิ่งของที่คนใช้กันทุกคน และกว่าเงินนี้จะตกมาอยู่ในมือเรา ก็ผ่านมือใครมานักต่อนักจนนับไม่ถ้วน ดังนั้นจึงสะสมเชื้อโรคเอาไว้มากมายอย่างน่ากลัว ดังนั้นเราจึงควรล้างมือ หรือทำความสะอาดมือทุกครั้งหลังจากจับเงิน เพื่อป้องกันเชื้อโรคจากเงินส่งผ่านมาทางมือและเข้าสู่ร่างกายให้เราเจ็บป่วยได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม การที่เราจะใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยไร้เชื้อโรค 100 % นั้นเป็นเรื่องยาก แต่อย่างน้อยเราก็ควรป้องกันด้วยการรักษาความสะอาดสิ่งของทุกชิ้นที่อยู่กับเราให้ดีที่สุด ด้วยการหมั่นใช้ทิชชูเปียกที่มีสารต่อต้านเชื้อแบคทีเรียเช็ดทำความสะอาดเป็นประจำ กระเป๋าถือก็ควรจะนำไปทำความสะอาดด้วยการซักหรือเช็ด และตากแดดจัด ๆ อยู่เสมอ ไม่นำไปวางในพื้นที่ที่สกปรก เช่น บนเคาน์เตอร์ในห้องครัว เคาน์เตอร์ในห้องน้ำ โดยเฉพาะห้องน้ำสาธารณะ
นอกจากนี้เราก็ควรดูแลตัวเองให้ดี ด้วยการล้างมือบ่อย ๆ ทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร หรือแม้แต่จะสัมผัสหน้าและเนื้อตัวเลยยิ่งดี เพื่อป้องกันเชื้อโรคและแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายนะคะ