xs
xsm
sm
md
lg

10 วิธีดูแลผู้ประสบภัยน้ำท่วม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กรมสุขภาพจิต แนะ 10 วิธีดูแลจิตใจ รุก จัดทีมดูแลผู้ประสบภัยน้ำท่วม (กระทรวงสาธารณสุข)

กรมสุขภาพจิต แนะ 10 วิธีดูแลสภาพจิตใจสำหรับผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยต้องนอนหลับให้เพียงพอ พยายามลดความเครียด ลงมือทำ ช่วยเหลือผู้อื่น ฯลฯ

นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้ ส่งผลให้ผู้ประสบภัยเกิดความเครียดกันมากขึ้น ซึ่งกรมสุขภาพจิตได้จัดทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภัย หรือทีม MCATT (Mental Health Crisis Assessment and Treatment Team) ทีมีครอบคลุมอยู่ทุกอำเภอ ทำงานเชิงรุกร่วมกับทีมช่วยเหลือทางกาย เพื่อให้การดูแลช่วยเหลือและฟื้นฟูจิตใจผู้ประสบภัยน้ำท่วมแล้ว

ทั้งนี้ ทีม MCATT จะให้การปฐมพยาบาลด้านจิตใจเบื้องต้น ให้การปรึกษาเพื่อลดภาวะความเครียด การฝึกผ่อนคลายความเครียดด้วยตนเอง การให้กำลังใจ สร้างแรงใจให้สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ และหากพบผู้ประสบภัยมีความเครียดสูง มีภาวะซึมเศร้า เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย ซึ่งสังเกตได้จากเดิมที่เคยเป็นคนร่าเริง กลายเป็นซึมมาก ๆ และบ่นท้อแท้ หดหู่ใจ หรือบ่นถึงความตายบ่อย ๆ จะรีบเข้าไปช่วยเหลือ พูดคุย ให้กำลังใจ ช่วยลดความเครียดลง

สำหรับรายที่มีอาการนอนไม่หลับอย่างรุนแรง ท้อแท้ หรือเครียดมาก ๆ จนถึงขั้นกระสับกระส่าย ไม่มีสมาธิ อาจต้องให้ยาคลายความเศร้า หรือยาคลายความเครียดที่จะทำให้การนอนหลับดีขึ้นร่วมด้วย โดยจะมีการติดตามอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องต่อไปเป็นระยะเวลา 3 เดือน

อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า ปฏิกิริยาทางด้านจิตใจของผู้ประสบภัยจะมีการแสดงออกที่แตกต่างกันไป ตามระยะของการเกิดภัย ดังนี้

ระยะวิกฤตและฉุกเฉิน (2 สัปดาห์แรกหลังเกิดเหตุการณ์) ปฏิกิริยาทางด้านจิตใจที่จะเกิดขึ้นได้ คือ ผู้ประสบภัยอาจจะเกิดภาวะความเครียด วิตกกังวล นอนไม่หลับ รู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง ซึ่งอาการเหล่านี้ถือว่าเป็นปฏิกิริยาปกติในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ (Normal Reaction in Abnormal Situation ) อาการต่าง ๆ เหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปภายใน 1 เดือน ซึ่งในระยะนี้ผู้ประสบภัยจะมีความต้องการด้านปัจจัย 4 เป็นอันดับแรก

ในขณะเดียวกันการดูแลด้านจิตใจก็จำเป็นที่ผู้ประสบภัยจะต้องได้รับการช่วยเหลือด้านจิตใจเบื้องต้น เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพจิตที่รุนแรงในระยะยาว และเกิดโรคที่ทางจิตเวช เช่น โรคภาวะเครียดหลังเหตุการณ์รุนแรง (Post Traumatic Stress Disorder)

ระยะหลังได้รับผลกระทบ (2 สัปดาห์ถึง 3 เดือน) ผู้ประสบภัยจะมีการแสดงปฏิกิริยาทางด้านจิตใจที่เด่นชัดมากขึ้น เนื่องจากการให้การช่วยเหลือต่าง ๆ เริ่มลดลง หรือผู้ประสบภัยจะต้องเผชิญกับความเป็นจริงของชีวิต เช่น ต้องเผชิญกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นภายหลังจากน้ำท่วม ส่งผลให้บางรายอาจจะมีอาการเครียดมาก มีภาวะซึมเศร้าจากการสูญเสีย หรือบุคคลที่สูญเสียบุคคลในครอบครัวอาจจะมีอาการเศร้าโศกเสียใจอย่างมากจากการจากไปอย่างกะทันหัน การสูญเสียทรัพย์สิน ไร่นาเป็นจำนวนมาก ซึ่งบุคคลต่าง ๆ เหล่านี้หากมีภาวะซึมเศร้าอย่างมาก อาจมีแนวโน้มไปสู่การฆ่าตัวตายหรือการทำร้ายตนเอง

ระยะฟื้นฟู (3 เดือนขึ้นไปหลังเกิดเหตุการณ์) ปฏิกิริยาด้านจิตใจของผู้ประสบภัยเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะสมดุล เป็นระยะของการฟื้นฟูสภาพจิตใจให้สามารถกลับไปดำเนินชีวิตประจำวันได้ และมีความเข้มแข็งทางจิตใจ


น้ำท่วมกรุงเทพ

ภาพประกอบจาก Lovingyou2911/Shutterstock.com

นอกจากนี้ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ยังได้แนะแนวทางในการดูแลจิตใจช่วงน้ำท่วม 10 ข้อ ดังนี้

1. หายใจเข้าออกช้า ๆ 2-3 นาที เพื่อทำให้ออกซิเจนเข้าสู่สมองแล้วความเครียดจะลดลง

2. การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ จะช่วยทำให้เกิดการตัดสินใจที่ดีขึ้น หากต้องติดตามข้อมูลข่าวสารให้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน

3. การยืดเหยียดในท่าที่ผ่อนคลายจะช่วยให้การนอนหลับได้ดีขึ้น

4. ความเครียด ทำให้เรารับฟังกันน้อยลงจึงต้องดูแลตัวเองด้วย

5. แปลงความกังวลเป็นการลงมือทำ รวมพลังครอบครัวและชุมชนรับกับสถานการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้น

6. ไม่ด่า ไม่ว่า ไม่ทับถม อย่าให้ความหวังดีเป็นความขัดแย้งและทำร้ายกัน

7. ความกังวลใจจะลดลงได้ หากได้ช่วยเหลือผู้อื่น

8. อย่าลืมเวลาเล่น เล่านิทานกับลูก เพราะว่าเด็กก็เครียดเป็น

9. การใส่ใจคนรอบข้างทำให้เราทุกข์น้อยลง

10. แบ่งเวลาทำสมาธิ สวดมนต์ไหว้พระ สร้างความสงบให้จิตใจ

ทั้งนี้ หากไม่ดีขึ้น เช่น นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ ใจสั่น ควรปรึกษาแพทย์ที่หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ หรือสถานพยาบาลที่อยู่ใกล้ หรือโทรสายด่วน 1323 และหมายเลขอัตโนมัติ 1667 ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง
กำลังโหลดความคิดเห็น