MGR ออนไลน์ - ฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาได้กล่าวเตือนไทยว่า “ผู้บริโภคคือเจ้านาย” พร้อมกับย้ำว่ากัมพูชาซื้อสินค้าไทยมูลค่ากว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในแต่ละปี
ประธานพฤฒสภา (สภาสูง) ของกัมพูชากล่าวว่า แม้จำนวนเงินดังกล่าวอาจดูเล็กน้อยสำหรับประเทศไทยโดยรวม แต่ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเกษตรกรและผู้ผลิตไทยที่กำลังสูญเสียรายได้ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นและการคว่ำบาตรสินค้าไทยของชาวกัมพูชา
“อย่าลืมว่าผู้บริโภคคือเจ้านาย ตลาดกัมพูชาและปริมาณการนำเข้าจากไทยนั้นไม่น้อย แม้ว่ามูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีอาจดูเล็กน้อยสำหรับไทย แต่สำหรับคนไทยที่กำลังสูญเสียรายได้นั้นถือว่าไม่น้อย ผัก ผลไม้ และสินค้าที่มีปลายทางมายังกัมพูชาไม่สามารถขายได้ และต้องนำกลับคืน เพราะชาวกัมพูชากำลังคว่ำบาตรสินค้าไทย” ฮุนเซนกล่าวย้ำ
ฮุนเซนกล่าวเสริมว่าทั้งสองประเทศกำลังสูญเสียรายได้จากการค้าที่ชะลอตัว แม้ว่ากัมพูชาจะสูญเสียน้อยกว่าเนื่องจากปริมาณการส่งออกมายังไทยน้อยกว่ามาก แต่เจ้าหน้าที่ไทยมักชี้ให้เห็นว่าไทยสูญเสียรายได้จากการส่งออกทุกครั้งที่เกิดปัญหาทวิภาคี
ปริมาณการค้าอย่างไม่เป็นทางการระหว่างสองประเทศสูงกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ตัวเลขอย่างเป็นทางการจากกรมศุลกากรและสรรพสามิตแสดงให้เห็นว่าในปี 2567 การค้ามีมูลค่ามากกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์เล็กน้อย กัมพูชาส่งออกสินค้ามายังไทยมูลค่า 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ไทยส่งออกไปยังกัมพูชามีมูลค่ากว่า 5,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ไทยมีดุลการค้าเกินดุลกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แต่อย่างไรก็ตาม ฮุนเซนได้เรียกร้องชาวกัมพูชาไม่ให้คว่ำบาตรสินค้าไทยจนสุดโต่ง โดยระบุว่าสินค้าบางรายการที่ผลิตในกัมพูชา เช่น ซีเมนต์ในจ.กำปอต แม้ไทยเป็นเจ้าของแต่ก็ถือเป็นสินค้าของกัมพูชา และการปิดโรงงานจะส่งผลเสียต่อกัมพูชามากกว่าไทย
กรมศุลกากรและสรรพสามิตระบุว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2568 การค้าระหว่างกัมพูชาและไทยมีมูลค่า 3,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 9.3% การส่งออกของกัมพูชามายังไทยมีมูลค่า 635 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 11.5% ขณะที่การส่งออกของไทยไปยังกัมพูชามีมูลค่ากว่า 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 8.8%.


