MGR ออนไลน์ - สำนักข่าวขแมร์ไทม์สรายงานว่า เหตุปะทะระหว่างทหารไทยและพลเรือนกัมพูชาบริเวณหมู่บ้านหนองหญ้าแก้ว หรือที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าเป็นพื้นที่ของหมู่บ้านเปรยจัน จ.บ้านใต้มีชัย (บันเตียเมียนเจย) ที่ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 23 คน รวมถึงพระสงฆ์ เมื่อวันพุธ (17) ได้ส่งผลให้กระแสการคว่ำบาตรสินค้าไทยที่ดำเนินมาอย่างยาวนานหลายเดือนรุนแรงขึ้น หลังจากประชาชนได้เรียกร้องผ่านโซเชียลมีเดียให้มีการยกระดับการคว่ำบาตรให้เข้มแข็งขึ้น
เหตุการณ์ความวุ่นวายในหมู่บ้านหนองหญ้าแก้ว ได้จุดชนวนความโกรธแค้นไปทั่วกัมพูชาในทันที ที่ทวีความรุนแรงจนกลายเป็นความไม่พอใจของประชาชน ซึ่งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ครั้งที่กองทัพไทยจับกุมทหารกัมพูชา 20 นาย เมื่อวันที่ 29 ก.ค. และปล่อยตัวกลับประเทศเพียง 2 นาย เมื่อวันที่ 1 ส.ค.
รายงานของสื่อกัมพูชาระบุว่ารัฐบาล ตลอดจนประชาชน มองว่าการกระทำของกองทัพไทยไม่เพียงแต่เป็นปฏิปักษ์เท่านั้น แต่ยังเป็นหลักฐานของความไม่ซื่อสัตย์ในการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงที่บรรลุในมาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค. และเพื่อเป็นการตอบโต้ ชาวกัมพูชาได้ระบายความโกรธแค้นด้วยการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ จงใจปฏิเสธการซื้อสินค้าของไทย
ตั้งแต่ซูเปอร์มาร์เก็ตในกรุงพนมเปญ ไปจนถึงตลาดชนบท ผู้ซื้อต่างตรวจสอบฉลากอย่างละเอียดเพื่อหลีกเลี่ยงสินค้าที่ผลิตในไทย และหันไปซื้อสินค้าท้องถิ่น แม้ราคาจะสูงกว่าก็ตาม
“ข้อความนี้ชัดเจน เงินทุกเรียลที่ใช้ไปกับสินค้าไทยมีความเสี่ยงที่จะถูกนำไปใช้เป็นทุนเพื่อรุกรานเรา” ชาวกัมพูชาและอินฟลูเอนเซอร์หลายคนแสดงความคิดเห็นบนเฟซบุ๊กและติ๊กต็อก
อย่างไรก็ตาม การคว่ำบาตรกำลังส่งผลกระทบต่อการค้าปลีกและค้าส่งของกัมพูชา เนื่องจากไทยเป็นหนึ่งในคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศ ส่งออกสินค้าหลากหลายประเภทตั้งแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เครื่องสำอาง ไปจนถึงวัสดุก่อสร้าง
ชั้นวางสินค้าไทยส่วนใหญ่ไม่มีใครแตะต้องเนื่องจากการคว่ำบาตร ผู้ค้าชาวกัมพูชาแก้ปัญหาด้วยการนำสินค้าท้องถิ่นและสินค้านำเข้าจากเวียดนามและจีนมาจำหน่ายแทน
“เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ แต่มันคือเรื่องของศักดิ์ศรีและอธิปไตย ผู้คนไม่ยอมให้สินค้าไทยได้ประโยชน์จากความรุนแรงที่เกิดกับชาวกัมพูชา” พ่อค้าในกรุงพนมเปญ กล่าว
พนักงานของแมคโคร บริษัทขายส่งของไทย บอกกับสำนักข่าวขแมร์ไทม์สว่า นับตั้งแต่มีการจับกุมทหารกัมพูชา 18 นาย การคว่ำบาตรได้ขยายวงกว้างไปยังบริษัทหลายแห่งที่เชื่อมโยงกับไทย กระแสต่อต้านได้ขยายออกไปไกลเกินกว่าตัวสินค้า ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีต่อบริษัทที่ถูกมองว่าเป็นของคนไทยด้วย
“ที่แมคโคร ผลกระทบรุนแรงมาก จำนวนคนที่มาใช้บริการรายวันลดลงเหลือเพียง 15% จากระดับปกติ โดยเป็นชาวกัมพูชา 10% และชาวจีน 5%” พนักงานของแมคโคร กล่าว
แม้ว่าการคว่ำบาตรจะทำให้ผู้ผลิตในกัมพูชาได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น แต่ก็เผชิญกับความท้าทายเช่นกัน เนื่องจากกำลังการผลิตภายในประเทศมีจำกัดและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอาจนำไปสู่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ขณะเดียวกัน คู่แข่งในภูมิภาคกำลังเร่งดำเนินการเพื่อเติมช่องว่างดังกล่าว โดยผู้ผลิตในเวียดนามและจีนได้ขยายการส่งออกมายังกัมพูชา
ชาวกัมพูชาจำนวนมาก ปฏิเสธสินค้าไทยที่เป็นทั้งการต่อต้านทางเศรษฐกิจและการเรียกร้องให้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ความรุนแรงของทหารไทย
เจย เต็ก นักวิจัยด้านสังคมและเศรษฐกิจกล่าวกับสำนักข่าวขแมร์ไทม์สว่า ไม่ว่าสถานการณ์จะคลี่คลายหรือแย่ลง แต่ชาวกัมพูชาทุกคนต้องยังคงคว่ำบาตรสินค้าไทยต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำเข้า ที่โดยทั่วไปแล้วเป็นกลุ่มคนที่มีฐานะร่ำรวยของสังคม
เขาเรียกร้องให้บรรดาออกญา นักธุรกิจที่ร่ำรวยของประเทศ หยุดการนำเข้าสินค้าไทยทันที โดยเน้นย้ำว่าผู้จัดจำหน่ายและผู้ค้าในท้องถิ่นควรงดเว้นการจำหน่ายสินค้าเหล่านี้ เพื่อให้การคว่ำบาตรมีประสิทธิภาพ
นักวิจัยรายนี้ยังเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาเสริมสร้างนโยบายและการบังคับใช้กฎหมายการนำเข้า โดยเฉพาะที่ด่านชายแดน ควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาการทุจริตในหมู่เจ้าหน้าที่ศุลกากร เพื่อให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติตามกฎระเบียบและป้องกันการนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย ที่บ่อนทำลายการคว่ำบาตรระดับชาติ
เขาย้ำว่าการคว่ำบาตรที่กำลังดำเนินอยู่นี้อาจส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญต่อภาคส่วนสำคัญของไทย เช่น SME การส่งออกสินค้าเกษตร และพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่งผลกระทบต่อสถานีบริการน้ำมันปตท. ที่มีสาขา 186 แห่งทั่วกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม เขาระบุว่าการคว่ำบาตรเป็นความท้าทายสำหรับชาวกัมพูชาที่ต้องพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานของไทย รวมถึงเกษตรกรตามจังหวัดชายแดน ที่ส่งออกสินค้าเกษตรไปที่ไทย ซึ่งเขาเรียกร้องให้เกษตรกรเหล่านี้อดทนจนกว่ารัฐบาลจะเปิดโอกาสทางการค้าใหม่ๆ ในเวียดนามและจีน.