MGR ออนไลน์ - พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ได้ให้คำมั่นในการประชุมครั้งแรกของคณะกรรมการความมั่นคงและสันติภาพแห่งรัฐว่าจะมีการจัดการเลือกตั้งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม และเรียกร้องให้มีการพิจารณาคดีอย่างรวดเร็วในกรณีที่มีการสังหารใดๆ ในช่วงการเลือกตั้ง และประกาศปฏิบัติการทางทหารเพื่อให้การเลือกตั้งในเมืองต่างๆ สามารถเกิดขึ้นได้ ท่ามกลางสงครามกลางเมือง
ด้วยเหลือเวลาอีกเพียง 4 เดือน พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการจัดการเลือกตั้ง โดยกล่าวว่าการเลือกตั้งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการจัดตั้งรัฐสภา การเลือกประธานาธิบดี และการจัดตั้งรัฐบาล
แต่นักวิเคราะห์ระบุว่า รัฐบาลทหารกำลังพยายามแสดงให้เห็นว่าการเลือกตั้งเป็นขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญที่มุ่งสู่การเป็นประชาธิปไตย แต่เป้าหมายที่แท้จริงของรัฐบาลทหารคือการรวมอำนาจควบคุมของกองทัพ
นักวิเคราะห์การเมืองตั้งข้อสังเกตว่า ด้วยการสนับสนุนจากพรรคสหสามัคคีและการพัฒนา ที่เป็นพรรคตัวแทนของกองทัพ ทำให้พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย มีแนวโน้มสูงที่จะได้เป็นประธานาธิบดี พรรคนี้อยู่ในตำแหน่งที่มีอิทธิพลภายใต้กฎหมายการเลือกตั้งฉบับใหม่ ที่ไม่สนับสนุนพรรคฝ่ายค้านหลัก เช่น พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ด้วยที่นั่ง 25% ของสภาถูกสงวนไว้ให้กับกองทัพ และการเปลี่ยนไปใช้ระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วน ทำให้พรรคสหสามัคคีและการพัฒนาสามารถบริหารประเทศได้ด้วยคะแนนเสียงเพียง 1 ใน 3 ของคะแนนเสียงทั้งหมด
นับตั้งแต่กองทัพยึดอำนาจในการรัฐประหารเดือนก.พ. 2564 ผู้นำรัฐบาลทหารได้ให้คำมั่นหลายครั้งว่าจะมีการเลือกตั้งแต่ไม่ได้กำหนดวันที่เอาไว้ แต่ในระหว่างการเยือนเบลารุสเมื่อเดือนมี.ค. เขาได้กำหนดกรอบเวลาเป็นครั้งแรก คือปลายเดือนธ.ค. 2568 ถึงเดือนม.ค. 2569 โดยเขากล่าวว่าจะมีการประกาศวันที่ที่แน่ชัดโดยเร็ว
พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ได้เรียกร้องให้มีมาตรการป้องกันการสังหารที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ด้วยคาดการณ์ว่าจะมีการลอบสังหารข้าราชการและพลเรือนที่ถูกกล่าวหาว่าร่วมมือกับรัฐบาลทหารจากกลุ่มต่อต้านเพิ่มมากขึ้น
เขายังเน้นย้ำว่าผู้ต้องสงสัยจะถูกพิจารณาคดีอย่างรวดเร็ว โดยกล่าวว่าการลอบสังหารต้องไม่ถูกปฏิบัติเหมือนเป็นเพียงอาชญากรรมทั่วไป
เขาเตือนว่าบุคคลและองค์กรที่ต่อต้านการเลือกตั้งอาจก่อวินาศกรรม และสั่งให้มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดต่อผู้สมัครและผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
กฎหมายคุ้มครองการเลือกตั้งของรัฐบาลทหารที่ประกาศใช้เมื่อเดือนก.ค. ได้กำหนดบทลงโทษไว้ตั้งแต่การจำคุก 3 ปี ไปจนถึงประหารชีวิตสำหรับการกระทำที่ขัดขวางการเลือกตั้งที่วางแผนไว้
กองกำลังต่อต้านปฏิเสธการเลือกตั้งของรัฐบาลทหารมาเป็นเวลานาน และการสังหารอดีตนายทหารและบุคคลที่สนับสนุนรัฐบาลทหาร ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในหมู่พรรคการเมืองและเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
กองทัพอาระกัน (AA) ที่ควบคุม 14 เมืองจาก 17 เมืองของรัฐยะไข่ ประกาศว่าจะไม่อนุญาตให้มีการเลือกตั้งในเขตพื้นที่ของตน ส่วนประธานสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงเพิ่งเรียกร้องให้ชาวกะเหรี่ยงทุกคนถือเป็นหน้าที่ต่อชาติที่จะต้องขัดขวางการเลือกตั้งไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ ก็ตาม
กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอางที่ต่อสู้กับรัฐบาลทหารในรัฐชานตอนเหนือ กล่าวหาว่ารัฐบาลทหารใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องมือในการขยายการปกครองของทหาร
แม้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลทหารและกองกำลังต่อต้านจะทวีความรุนแรงขึ้นก่อนการเลือกตั้ง แต่พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย กล่าวในการประชุมว่า เขาคาดว่าจะจัดการเลือกตั้งในเมืองต่างๆ เพิ่มขึ้น
คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งสหภาพของรัฐบาลทหารได้กล่าวไว้ว่า จะมีการเลือกตั้งใน 267 ตำบล จาก 330 ตำบลทั่วประเทศ โดยที่ยังไม่มีการประกาศรายชื่อตำบลอย่างเป็นทางการ แต่ปัจจุบันมีมากกว่า 60 ตำบลที่อยู่ภายใต้กฎอัยการศึก ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ และกองกำลังต่อต้าน
ด้วยการประกาศกฎอัยการศึกจนถึงเดือนต.ค. นักวิเคราะห์คาดว่ากองทัพจะพยายามยึดคืนพื้นที่เหล่านี้ก่อนการเลือกตั้ง
สำหรับปฏิกริยาของนานาชาติต่อการเลือกตั้งที่รัฐบาลทหารประกาศไว้นั้น รัฐบาลสหรัฐฯ และรัฐบาลชาติตะวันตกอื่นๆ รวมถึงรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) และกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ที่ต่อสู้กับรัฐบาลทหาร ได้ปฏิเสธการเลือกตั้งมาเป็นเวลานาน โดยเรียกการเลือกตั้งครั้งนี้ว่าเป็นการหลอกลวงที่ออกแบบมาเพื่อรักษาอำนาจของทหาร
มาเลเซีย ในฐานะประฐานสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ในปัจจุบัน ได้เรียกร้องให้รัฐบาลทหารให้ความสำคัญกับการยุติความรุนแรงในประเทศก่อนจัดการเลือกตั้ง
องค์กร International IDEA ในกรุงสต็อกโฮล์ม ได้เรียกร้องให้ประชาคมโลกปฏิเสธการสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นทางเทคนิค วัตถุ หรือทางการเมือง ต่อกระบวนการเลือกตั้งนี้
ในคำแถลงเมื่อวันที่ 12 ส.ค. องค์กรได้เตือนว่าการเลือกตั้งที่วางแผนไว้นั้นเป็นความพยายามสร้างความชอบธรรมให้กับการปกครองของทหาร มากกว่าที่จะฟื้นฟูประชาธิปไตย องค์กรยังวิพากษ์วิจารณ์กฎหมายคุ้มครองการเลือกตั้งของรัฐบาลทหารด้วย
ในขณะเดียวกัน จีน อินเดีย ไทย และกัมพูชา ที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค รวมถึงรัสเซีย และเบลารุส ได้แสดงการสนับสนุนการเลือกตั้งครั้งนี้.