ฮุนเซนชมทรัมป์ทำดี ออกคำสั่งตัดงบสื่อหลายสำนัก ชี้ช่วยกำจัดเฟกนิวส์

เอเอฟพี - ฮุนเซน อดีตผู้นำกัมพูชา ได้แสดงความเห็นชื่นชมและสนับสนุนการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่จะระงับการทำงานของสำนักข่าว Voice of America และสื่ออีกหลายสำนักที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากสหรัฐฯ ซึ่งวิพากษ์วิจารณ์อดีตผู้นำที่มีอิทธิพลรายนี้มายาวนาน

ฮุนเซนปกครองกัมพูชาด้วยอำนาจเผด็จการมาเกือบ 4 ทศวรรษ ได้สั่งปิดสื่ออิสระหลายแห่ง ทำให้กัมพูชาถูกจัดอยู่ในอันดับท้ายๆ ของการจัดอันดับเสรีภาพสื่อระหว่างประเทศ

ทรัมป์ลงนามคำสั่งเมื่อวันศุกร์ในการหยุดจ่ายงบประมาณให้สำนักข่าว VOA, Radio Free Asia, Radio Free Europe และสื่ออื่นๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของการลดรายจ่ายของรัฐบาลกลาง

ฮุนเซนแสดงความยินดีกับคำสั่งดังกล่าว โดยกล่าวชื่นชมทรัมป์ที่กล้าหาญในการเป็นผู้นำโลกต่อสู้กับข่าวปลอมโดยเริ่มกับสื่อที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ

“นี่เป็นการมีส่วนสนับสนุนสำคัญในการกำจัดข่าวปลอม ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง คำโกหก การบิดเบือน การยุยงปลุกปั่น และความโกลาหลทั่วโลก ที่มาจากเครื่องจักรโฆษณาชวนเชื่อ ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้หยุดให้เงินสนับสนุน” ฮุนเซน กล่าว

อดีตผู้นำกัมพูชา ที่มอบอำนาจให้ฮุน มาเนต ลูกชายของเขาในปี 2566 ตกเป็นเป้าการรายงานข่าวเชิงวิพากษ์วิจารณ์ของ VOA และ Radio Free Asia มาโดยตลอด

ฮุนเซนกล่าวว่าเขาได้บอกกับทรัมป์ระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-สหรัฐฯ ในฟิลิปปินส์เมื่อปี 2560 ว่า การที่บางประเทศไม่ไว้วางใจสหรัฐฯ เป็นผลจากสื่อสหรัฐฯ ที่ทำให้ประเทศเหล่านั้นเข้าใจผิดว่าเป็นท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯ

นักวิจารณ์กล่าวหาว่าฮุนเซนใช้การข่มขู่และกลวิธีทางกฎหมายกำจัดฝ่ายตรงข้ามที่ต่อต้านการปกครองของเขาทั้งหมดในช่วงที่เขาอยู่ในอำนาจ

เสรีภาพสื่อถูกโจมตีมานานในกัมพูชา โดยหนังสือพิมพ์ Cambodia Daily ปิดตัวลงในปี 2560 และสื่ออีกจำนวนมากต้องปิดตัวลงในปีถัดมา ก่อนการเลือกตั้งในปี 2561

ในเดือน ก.พ.2566 Voice of Democracy (VOD) สำนักข่าวออนไลน์ภาษาเขมรและอังกฤษ ที่เป็นหนึ่งในสื่ออิสระแห่งสุดท้ายของกัมพูชาได้หยุดเผยแพร่ในประเทศ

ฮุนเซนสั่งเพิกถอนใบอนุญาตสื่อจากสิ่งที่เขากล่าวว่าเป็นการรายงานที่ผิดพลาดเกี่ยวกับลูกชายคนโตของเขา

เมฆ ดารา นักข่าวชาวกัมพูชาที่มีชื่อเสียง ที่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติจากการเปิดโปงการหลอกลวงทางไซเบอร์ ได้ลาออกจากงานสื่อเมื่อเดือน พ.ย. โดยระบุว่าเขาสูญเสียความกล้า หลังถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัว

นักข่าวกัมพูชาอีกรายหนึ่ง เชือง ชึง เสียชีวิตเมื่อเดือน ธ.ค. หลังจากถูกยิงขณะลงพื้นที่ติดตามการลักลอบตัดไม้ผิดกฎหมายในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสรีภาพสื่อในกัมพูชาทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อต้นปีนี้ เมื่อนักข่าวชาวอังกฤษของเว็บไซต์ข่าวการอนุรักษ์ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ ถูกขึ้นบัญชีดำและห้ามเข้าประเทศ

นับตั้งแต่ปี 2537 มีนักข่าวอย่างน้อย 15 คน ถูกฆ่าในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ ตามข้อมูลของศูนย์สิทธิมนุษยชนกัมพูชา.