อินเดียเชิญฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าร่วมการประชุมในนิวเดลี กลุ่มติดอาวุธชี้เป็นสัญญาณเชิงบวก

รอยเตอร์ - อินเดียเชิญฝ่ายตรงข้ามทางทหารและทางการเมืองของรัฐบาลทหารพม่าเข้าร่วมการสัมมนาที่นิวเดลี ตามการเปิดเผยของแหล่งข่าว ที่นับเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญของชาติมหาอำนาจในเอเชียใต้ ที่ยังคงรักษาความสัมพันธ์กับนายพลระดับสูงของพม่าที่ถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตร

สงครามกลางเมืองในพม่านับตั้งแต่กองทัพโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งในการรัฐประหารเดือน ก.พ.2564 เสี่ยงที่จะทำลายเสถียรภาพของพรมแดนยาว 1,650 กิโลเมตรของอินเดียกับพม่า และโครงการโครงสร้างพื้นฐานสำคัญบางส่วนที่นั่น

ผู้นำกลุ่มติดอาวุธและแหล่งข่าว 2 รายที่ทราบเรื่องดังกล่าวระบุว่ารัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ที่เป็นรัฐบาลคู่ขนาน และกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์จากรัฐชิน รัฐยะไข่ และรัฐกะฉิ่น ที่มีพรมแดนติดกับอินเดียได้รับเชิญให้เข้าร่วมการสัมมนากลางเดือน พ.ย.

งานดังกล่าวจัดขึ้นโดยสภากิจการโลกแห่งอินเดีย (ICWA) ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล แหล่งข่าว 2 รายระบุ

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนในทันทีว่ารัฐบาลทหารพม่าจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานนี้ด้วยหรือไม่ ซึ่งแหล่งข่าวระบุว่าจะเป็นเรื่อง “รัฐธรรมนูญนิยมและสหพันธรัฐนิยม” แต่แหล่งข่าวไม่ได้ให้รายละเอียดอื่นเพิ่มเติม

การประท้วงอย่างกว้างขวางในพม่าต่อการรัฐประหารปี 2564 ได้กลายเป็นการกบฏทั่วประเทศ โดยขบวนการต่อต้านติดอาวุธร่วมกับกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์บางกลุ่ม ที่ได้เข้ายึดครองพื้นที่จำนวนมากจากกองทัพ

รัฐบาลทหารปฏิเสธที่จะเข้าสู่กระบวนการเจรจากับกลุ่มติดอาวุธ ที่พวกเขาระบุว่าเป็นผู้ก่อการร้าย

รองประธานแนวร่วมแห่งชาติชิน หนึ่งในกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ กล่าวว่ากลุ่มจะส่งตัวแทนเข้าร่วม

“ผมคิดว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่อินเดียจะมีส่วนร่วมกับฝ่ายที่ไม่ใช่รัฐอย่างเป็นทางการ ถือเป็นแนวทางที่ดีและเป็นบวก” รองประธานแนวร่วมแห่งชาติชินระบุ

โฆษกของกองทัพพม่าไม่ได้รับสายโทรศัพท์ที่รอยเตอร์ติดต่อเพื่อขอความคิดเห็น ส่วนรัฐบาลอินเดียและ ICWA ไม่ได้ตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็นเช่นกัน

ส่วนกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ ที่ได้รับเชิญเข้าร่วมการสัมมนาประกอบด้วย กองทัพอาระกัน ที่ควบคุมพื้นที่สำคัญในรัฐยะไข่ที่มีชายแดนติดกับบังกลาเทศ และกองทัพเอกราชกะฉิ่น ที่เป็นกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่ทรงพลังมากที่สุดของพม่า แหล่งข่าวระบุ

โฆษกประธานาธิบดีของรัฐบาลเงาปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการสัมมนา ส่วนกองทัพอาระกันและกองทัพเอกราชกะฉิ่นไม่ได้ตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็น

แม้ว่ารัฐบาลทหารจะถูกชาติตะวันตกประณาม ที่ส่วนใหญ่ได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตร แต่อินเดียยังคงติดต่อกับนายพลผ่านการเยือนกรุงเนปีดอโดยเจ้าหน้าที่รัฐและเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหม

อินเดียลังเลที่จะวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทหารอย่างเปิดเผย ที่อาจผลักดันให้นายพลเหล่านี้เข้าใกล้จีนที่เป็นคู่แข่งมากขึ้น และนิวเดลีไม่มีส่วนร่วมอย่างเป็นทางการกับฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาลทหาร

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนในทันทีว่าการสัมมนาดังกล่าวจะบรรลุผลอะไรหรือสาเหตุที่อินเดียดำเนินการดังกล่าว

เมื่อเดือน มิ.ย. รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอินเดียได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความไม่มั่นคงบริเวณชายแดนและความเสี่ยงด้านความปลอดภัยต่อโครงการต่างๆ ของอินเดียในพม่า และได้กล่าวกับรัฐมนตรีต่างประเทศของพม่าว่าอินเดียเปิดกว้างที่จะมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดในการจัดการสถานการณ์นี้

อินเดียมีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการท่าเรือและทางหลวงกะลาดันมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ในภาคตะวันตกของพม่า รวมถึงการให้ทุน 250 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการถนนอีกโครงการหนึ่งเพื่อเชื่อมรัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลกับไทยผ่านพม่า

แผนการสัมมนาดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามสร้างสันติภาพของอาเซียน ที่แทบไม่มีความคืบหน้าตั้งแต่เริ่มความพยายามในเดือน เม.ย.2564 และประเทศสมาชิกอาเซียนบางประเทศไม่พอใจที่รัฐบาลทหารพม่าปฏิเสธที่จะเจรจา

เมื่อปีที่ผ่านมา อินโดนีเซีย อดีตประธานอาเซียนระบุว่ามีสัญญาณเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาเบื้องต้นจากฝ่ายหลักในความขัดแย้ง แต่ยังไม่มีสัญญาณความคืบหน้าใดๆ

นักวิจัยจากสิงคโปร์ ที่ติดตามกิจการอินเดีย-พม่าอย่างใกล้ชิด กล่าวว่าการพบหารือในเดือน พ.ย. จะเป็นความพยายามที่จริงจังที่สุดของนิวเดลีที่จะเข้าถึงฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยของพม่านับตั้งแต่การรัฐประหารปี 2564

“เราจำเป็นต้องดูว่าการพบหารือนี้มีเป้าหมายที่จะบรรลุผลลัพธ์ด้านนโยบายต่างประเทศอย่างเฉพาะเจาะจง หรือเป็นเพียงการส่งสัญญาณถึงกองทัพพม่าให้ถอย อินเดียยังคงกังวลเรื่องความมั่นคงและเสถียรภาพชายแดน” นักวิจัย กล่าว.