MGR ออนไลน์ - การสูญเสียกองบัญชาภาคตะวันออกเฉียงเหนือแสดงให้เห็นว่ากองทัพพม่า ที่ครั้งหนึ่งเชื่อกันว่าเป็นสถาบันที่แข็งแกร่งที่สุดในพม่า กำลังสูญเสียความแข็งแกร่งของตนเองไป และเมื่อ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย อธิบายถึงความพ่ายแพ้ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในการกล่าวแถลงทางโทรทัศน์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาก็แทบไม่แสดงความแข็งแกร่งออกมาเช่นกัน
พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ที่เพิ่งรับหน้าที่รักษาการประธานาธิบดีเพื่อขยายเวลาการประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีก 6 เดือน ได้ทำสิ่งที่เขาถนัดอีกครั้ง นั่นก็คือการโยนความผิดให้ผู้อื่น ในการกล่าวสุนทรพจน์ความยาว 25 นาที
ผู้นำคณะรัฐบาลทหารกล่าวเพียงว่า ‘เราจะพยายามฟื้นฟูเสถียรภาพทั่วประเทศ‘ โดยไม่ได้ระบุถึงแนวทางแก้ไขที่ชัดเจนว่าเขาจะเปลี่ยนกระแสคลื่นแห่งสงครามนี้ได้อย่างไร
ในทางกลับกัน เขากลับชี้นี้วไปที่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ที่รัฐบาลของอองซานซูจีถูกโค่นล้มจากการรัฐประหารในปี 2564 ตลอดจนกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ที่ต่อสู้กับระบอบการปกครองของพม่า โดยรายชื่อที่ตกเป็นเป้าหมายของมิน อ่อง หล่าย ประกอบด้วย กองทัพอาระกัน (AA) กองทัพเอกราชกะฉิ่น (KIA) สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติพม่า (MNDAA) และกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง (TNLA) ตลอดจนประเทศอื่นๆ
เขาเรียกร้องให้ชาวพม่าร่วมมือกับรัฐบาลของเขา ซึ่งหลายคนตั้งคำถามว่าเขายังคิดว่าประชาชนจะยังสนับสนุนรัฐบาลของเขาอีกหรือ หลังจากการปกครองของเขาสร้างความทุกข์ยากและความลำบากให้ประชาชนเป็นเวลา 3 ปี หลังจากการยิงผู้ชุมนุมประท้วงอย่างสันติ หลังจากการทิ้งระเบิดและเผาบ้านเรือนของพวกเขา หลังจากสังหารหรือจำคุกครอบครัวและเพื่อนๆ ของพวกเขา แม้แต่ผู้สนับสนุนกองทัพก็กำลังหมดความอดทนกับ มิน อ่อง หล่าย
หลังจาก พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย กล่าวสุนทรพจน์ จ่อ เซยา อดีตนายทหารและอดีตสมาชิกสภาเขตย่างกุ้ง ระบุในเฟซบุ๊กของเขาว่าเป็นสุนทรพจน์ที่หลงประเด็น “ผมไม่รู้ว่าเขากำลังวางแผนจะทำอะไรกันแน่”
ขณะที่ MNDAA กำลังโจมตีเมืองล่าเสี้ยว ที่เป็นที่ตั้งของกองบัญชาการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มิน อ่อง หล่าย กลับกำลังยุ่งอยู่กับการประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อหารือเกี่ยวกับการจัดการแข่งขันศิลปะการแสดงท้องถิ่นและการแข่งกีฬาแห่งชาติ และเตรียมเส้นทางรถไฟสำหรับรถไฟไฟฟ้า ที่สร้างความไม่พอใจให้บรรดาผู้สนับสนุนกองทัพ
ในสุนทรพจน์ มิน อ่อง หล่าย พยายามหาเหตุผลรองรับการก่อรัฐประหารของเขาอีกครั้ง ด้วยการกล่าวโทษพรรค NLD ว่าทุจริตการเลือกตั้งในปี 2563 และกล่าวหาว่า MNDAA และ TNLA ขยายดินแดนออกนอกเขตอิทธิพลเดิม
เขาประณาม KNU ที่ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศ ประณาม KIA ที่ฝึกอบรมและติดอาวุธให้กองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) ในภาคสะกาย และกลุ่มแนวร่วมแห่งชาติชินที่ต่อสู้ร่วมกันกับ PDF ในรัฐชิน
เขากล่าวหาว่ากองทัพอาระกันทำลายล้างประชาชนของตนเองด้วยการเปิดฉากโจมตีในรัฐยะไข่ ที่ประชากร 90% เป็นชาวยะไข่
มิน อ่อง หล่าย ยังกล่าวหาว่ามีบางประเทศให้ทุนสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธและจัดหาอาหาร ยา อาวุธ เทคโนโลยี และช่วยเหลือด้านการบริหารแก่กลุ่มติดอาวุธเหล่านั้น
แม้ไม่ได้ระบุชื่อประเทศอย่างชัดเจนต่อสาธารณะ แต่เขาอ้างว่าโรงงานผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ที่สร้างขึ้นในดินแดนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์บริเวณชายแดนจีน-พม่า กำลังขายอาวุธให้กลุ่ม PDF โดยอาวุธที่ยึดได้จากกลุ่ม PDF พบว่าผลิตจากโรงงานผลิตอาวุธเหล่านั้น และมีการว่าจ้างช่างเทคนิคต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย กล่าวว่าเขาจะพยายามค้นหาว่าเงินทุนและเทคโนโลยีเหล่านั้นมาจากไหน
ในช่วงแรกของปฏิบัติการ 1027 เขายังกล่าวหาว่ากลุ่มต่อต้านรัฐบาลใช้โดรนที่ผลิตในจีนทิ้งระเบิดใส่ฐานของรัฐบาลทหารในรัฐชานตอนเหนือ เขายังอ้างว่าผู้เชี่ยวชาญต่างชาติกำลังต่อสู้เคียงข้างกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์
ผู้นำคณะรัฐบาลทหารยังพยายามปลุกปั่นความเกลียดชังทางเชื้อชาติ โดยกล่าวว่าผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่นที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รวมถึงชาติพันธุ์พม่า กำลังได้รับความเดือดร้อน เพราะกองกำลังโกก้างและปะหล่อง กำลังขยายดินแดนของพวกเขาและต่อสู้ในเมืองล่าเสี้ยวและสถานที่ต่างๆ
จนถึงขณะนี้ กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์และพันธมิตรได้เข้ายึดครองเมืองต่างๆ กว่า 70 เมือง ในรัฐกะฉิ่น รัฐกะเหรี่ยง รัฐชิน รัฐยะไข่ รัฐชาน และภาคมัณฑะเลย์
อดีตนายทหารรายหนึ่งได้ตอบคำถามว่ามีความคิดเห็นอย่างไรต่อคำกล่าวอ้างของมิน อ่อง หล่าย ที่รัฐบาลของเขาจะฟื้นฟูเสถียรภาพทั่วประเทศไม่เพียงแค่รัฐชานเหนือเท่านั้นว่า กองบัญชาการภาคตะวันออกเฉียงเหนือคงไม่แตกพ่ายหากเขาทำแบบนั้นได้.