MGR ออนไลน์ - รัฐมนตรีกลาโหมของเวียดนามอยู่ระหว่างการเยือนสหรัฐฯ เป็นเวลา 5 วัน เพื่อเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงทวิภาคี ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในทะเลจีนใต้
เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่อ้างสิทธิในน่านน้ำบางส่วนของทะเลจีนใต้ และกำลังพยายามเสริมขีดความสามารถทางทะเล รวมถึงการจัดซื้ออุปกรณ์และเทคโนโลยีในการป้องกันประเทศ
การเดินทางเยือนของ พล.อ.ฟาน วัน ซาง ถือเป็นการเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการครั้งแรกของเขา นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือน เม.ย.2564
ฮานอยและวอชิงตันได้ยกระดับความสัมพันธ์สู่ระดับสูงสุดในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม ในเดือน ก.ย.2566 ระหว่างการเยือนฮานอยของประธานาธิบดีโจ ไบเดน
แต่อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศยังคงถูกจำกัดอยู่ และมุ่งเน้นไปที่มรดกจากสงครามเวียดนามเป็นหลัก เช่น การค้นหาทหารอเมริกันที่สูญหายระหว่างปฏิบัติหน้าที่ และการขจัดการปนเปื้อนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสารเคมีพิษ
พล.อ.ฟาน วัน ซาง และลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ ได้พบหารือกันเมื่อวันจันทร์ (9) ที่เพนตากอน ซึ่งพวกเขาได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันเพื่อเอาชนะมรดกจากสงคราม
ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงโอกาสในการกระชับความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศ รวมถึงการค้าด้านการป้องกัน ความยืดหยุ่นของฐานอุตสาหกรรม และการแบ่งปันข้อมูล
ข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2559-2564 รัฐบาลสหรัฐฯ ได้อนุมัติสินค้าด้านการป้องกันประเทศมูลค่า 29.8 ล้านดอลลาร์ ที่ถือว่าเป็นมูลค่าที่ค่อนข้างน้อย ให้แก่เวียดนามผ่านการขายเชิงพาณิชย์โดยตรง และกระทรวงกลาโหมยังขายสินค้าทางทหารให้เวียดนามมูลค่ากว่า 118 ล้านดอลลาร์ ที่ส่วนใหญ่เป็นเครื่องบินฝึก
นักวิเคราะห์กล่าวว่าหากเวียดนามตัดสินใจที่จะจัดหาอุปกรณ์จากสหรัฐฯ เพิ่มเติม งบประมาณดังกล่าวอาจเพิ่มขึ้นอย่างมาก
หน่วยงานด้านการค้าระหว่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่าอาจมีความต้องการในด้านอุปกรณ์ต่อสู้ทางเรือ ระบบป้องกันทางอากาศ ระบบข่าวกรอง และอุปกรณ์เฝ้าระวังและลาดตระเวนเพิ่มมากขึ้น
“ความมั่นคงทางทะเลและการป้องกันทางอากาศเป็นสิ่งที่เวียดนามต้องการมากที่สุด แต่คาดว่าเวียดนามจะเริ่มต้นจากความมั่นคงทางทะเลเป็นอย่างแรก เนื่องจากสอดคล้องกับความคาดหวังของสหรัฐฯ” อเล็กซานเดอร์ วูวิง ศาสตราจารย์ที่ศูนย์ศึกษาความมั่นคงภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ในฮาวาย กล่าว
สหรัฐฯ และเวียดนามลงนามแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมว่าด้วยความสัมพันธ์ด้านการป้องกันในปี 2558 ที่เป็นเอกสารสำคัญที่สุดของทั้งสองประเทศในการกำหนดความร่วมมือด้านการป้องกัน โดยเน้นย้ำถึงความมั่นคงทางทะเล
สหรัฐฯ ให้เรือตรวจการณ์ชั้นแฮมิลตัน 2 ลำ กับหน่วยยามฝั่งของเวียดนาม โดยลำที่ 3 มีกำหนดส่งมอบในอนาคตอันใกล้นี้ รวมถึงโดรนทางยุทธวิธีและเรือตรวจการณ์
แม้สหรัฐฯ ได้ยกเลิกการห้ามขายอาวุธร้ายแรงให้เวียดนามในปี 2559 ที่ทำให้เวียดนามสามารถจัดซื้ออุปกรณ์จากสหรัฐฯ ได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและราคาเป็นหลัก อเล็กซานเดอร์ วูวิง ระบุ
ข้อมูลของ GlobalData ระบุว่า งบประมาณด้านกลาโหมของเวียดนามคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 7,800 ล้านดอลลาร์ในปี 2567 แต่เวียดนามยังคงพึ่งพาอาวุธและอุปกรณ์จากรัสเซียที่มีราคาถูกกว่า แต่ขณะเดียวกัน ก็มีความพยายามที่จะกระจายแหล่งอาวุธยุทโธปกรณ์ของประเทศ ด้วยการจัดการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ครั้งใหญ่ในกรุงฮานอยในปี 2565 และจะจัดครั้งที่ 2 ในเดือน ธ.ค.นี้
ก่อนการประชุมกับ พล.อ.ซาง ลอยด์ ออสติน กล่าวว่ากระทรวงของเขาได้ตอบรับคำเชิญเข้าร่วมงานดังกล่าว ที่จะมีซัปพลายเออร์ด้านกลาโหมจากหลายสิบประเทศ รวมทั้งรัสเซีย อินเดีย อังกฤษ อิสราเอล และฝรั่งเศส เข้าร่วม
จีน เพื่อนบ้านยักษ์ใหญ่ของเวียดนามไม่ได้เข้าร่วมงาน Vietnam Defense Expo ครั้งแรก และยังไม่ได้ยืนยันการเข้าร่วมงานครั้งที่ 2
ฮานอยมักระมัดระวังที่จะไม่สร้างความขัดแย้งกับปักกิ่ง ในขณะที่กระชับความสัมพันธ์กับวอชิงตัน โดยยืนกรานว่าความพยายามใดๆ ก็ตามที่จะปรับปรุงกองทัพของประเทศให้ทันสมัยเป็นเพียงการป้องกันตนเองเท่านั้น ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ประเทศใด
“จีนจะจับตาดูความสัมพันธ์ของเวียดนามและสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด ปักกิ่งไม่พอใจกับความคืบหน้าใดๆ ก็ตามในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และเวียดนาม” วูวิง กล่าว.