ธนาคารโลกชี้เศรษฐกิจพม่าอยู่ในภาวะวิกฤตจากความขัดแย้งทางการเมืองกระทบการค้า-การดำเนินชีวิต

เอพี - พม่ากำลังพยายามอย่างหนักที่จะนำประเทศกลับสู่ภาวะปกติ เนื่องจากสงครามกลางเมืองของประเทศส่งผลกระทบต่อการค้าและการดำเนินชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ

นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลกประเมินว่าเศรษฐกิจของพม่าขยายตัวที่ 1% ต่อปี ในปีที่สิ้นสุดในเดือน มี.ค. ซึ่งช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ตามรายงานที่เผยแพร่ในวันพุธ (12) และคาดการณ์อัตราการเติบโตที่ใกล้เคียงกันในปีงบประมาณนี้

รายงานระบุว่าเกือบ 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมดในประเทศมีชีวิตอยู่อย่างยากจน และเศรษฐกิจมีขนาดเล็กกว่าก่อนเกิดโรคระบาดประมาณ 10%

การสำรวจของธนาคารโลกในเดือน เม.ย. ชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจดีขึ้นเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา

กองกำลังติดอาวุธสนับสนุนประชาธิปไตยและกองกำลังติดอาวุธของชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์กำลังต่อสู้กับทหารพม่า หลังจากกองทัพโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของอองซานซูจีในต้นปี 2564 ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา กองทัพเผชิญกับแรงกดดันมากขึ้นจากกองกำลังต่อต้าน และพ่ายในสนามรบอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

รายงานระบุว่า แนวโน้มทางเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอ ทำให้ครัวเรือนของพม่าผ่อนคลายลงเพียงเล็กน้อยในระยะสั้นถึงปานกลาง สภาพแวดล้อมทางธุรกิจยังคงถูกจำกัดจากความขัดแย้ง การค้าและโลจิสติกส์หยุดชะงัก ความผันผวนของเศรษฐกิจมหภาค ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ และปัญหาไฟฟ้าดับ

คาดว่าผู้คนมากกว่า 3 ล้านคนกลายเป็นผู้พลัดถิ่นจากบ้านเรือนของตนเองเนื่องจากการต่อสู้ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน ค่าเงินจ๊าตของพม่าอ่อนค่าลง และสินค้านำเข้าหลายรายการขาดตลาด รายงานระบุว่าราว 1 ใน 3 ของโรงงานที่ธนาคารโลกสำรวจระบุว่าประสบปัญหาไฟฟ้าดับ

ในช่วงครึ่งปีที่สิ้นสุดในเดือน มี.ค. การส่งออกของพม่าลดลง 13% จากปีก่อนหน้า ขณะที่การนำเข้าลดลง 20% รายงานระบุ

ก่อนการรัฐประหาร โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเป็นแหล่งงานสำคัญโดยเฉพาะสำหรับหญิงสาว และเป็นแหล่งรายได้จากการส่งออก แต่แบรนด์สินค้าระดับโลกได้ถอนตัวออกจากประเทศ และการส่งออกในภาคการผลิตลดลงเกือบ 1 ใน 5 ในช่วงครึ่งปีจนถึงเดือน มี.ค.

การขาดแคลนแรงงานยิ่งเลวร้ายลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องด้วยผู้ปกครองทหารประกาศบังคับใช้กฎหมายเกณฑ์ทหารเพื่อเสริมกำลังพล ส่งผลให้บรรดาคนงานหลบหนีไปต่างประเทศ หรือไปยังพื้นที่ชนบท รายงานระบุ.