เอเอฟพี - สหประชาชาติระบุว่าจำนวนผู้พลัดถิ่นในพม่าพุ่งแตะ 3 ล้านคน โดยส่วนใหญ่ถูกบังคับให้ต้องอพยพหลบหนีออกจากบ้านเรือนของตนเองเนื่องจากความขัดแย้งที่เป็นผลพวงจากการรัฐประหารในปี 2564
นับตั้งแต่การยึดอำนาจของทหารที่โค่นล้มรัฐบาลของอองซานซูจี ทำให้ผู้คนต้องหลบหนีราว 2.7 ล้านคน
การรัฐประหารจุดชนวนให้เกิดการปะทะครั้งใหม่กับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ และก่อให้เกิดกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) หลายสิบกลุ่มที่กองทัพไม่สามารถบดขยี้ได้
ผู้ประสานงานของสหประชาชาติประจำพม่าระบุในคำแถลงว่า พม่าอยู่ในสภาวะที่ล่อแหลมในปี 2567 พร้อมกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่รุนแรงขึ้น และราว 1 ใน 3 ของผู้พลัดถิ่นเหล่านี้เป็นเด็ก
ประมาณครึ่งหนึ่งของ 3 ล้านคนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เมื่อพันธมิตรของกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์เปิดฉากโจมตีทั่วรัฐชานตอนเหนือ คำแถลงระบุ
กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์สามารถเข้ายึดพื้นที่ต่างๆ และด่านการค้าที่บริเวณชายแดนจีน ที่นับเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ที่สุดต่อรัฐบาลทหารนับตั้งแต่ยึดอำนาจ
พื้นที่ชายแดนของพม่าเป็นที่ตั้งของกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์จำนวนมาก ที่หลายกลุ่มต่อสู้กับทหารนับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 2491 เพื่อสิทธิในการปกครองตนเองและการควบคุมทรัพยากร
สหประชาชาติระบุว่า การขาดแคลนทุนกำลังขัดขวางความพยายามในการบรรเทาทุกข์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนฤดูพายุในเดือน พ.ค.-มิ.ย.
เมื่อปีที่ผ่านมา พายุไซโคลนโมคาซัดถล่มรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของพม่า คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 148 คน
ปัจจุบัน มีผู้พลัดถิ่นในรัฐยะไข่มากกว่า 355,000 คน รัฐที่ได้รับผลกระทบจากการปะทะกันระหว่างกองทัพอาระกัน (AA) และกองทัพพม่าตั้งแต่เดือน พ.ย. สหประชาชาติระบุ.