เอเอฟพี - สหประชาชาติระบุว่าประชาชนมากกว่า 200,000 คนต้องพลัดถิ่นจากการสู้รบในพม่า หลังจากกลุ่มพันธมิตรของชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์เปิดฉากโจมตีกองทัพเมื่อเดือนที่ผ่านมา
การสู้รบดำเนินมาตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค. ทั่วพื้นที่ตอนเหนือของรัฐชาน ใกล้ชายแดนจีน หลังกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติพม่า (MNDAA) กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง (TNLA) และกองทัพอาระกัน (AA) เปิดฉากโจมตีกองทัพ
กลุ่มพันธมิตรได้ปิดกั้นเส้นทางการค้าสำคัญไปยังจีนและยึดเมืองศูนย์กลางชายแดน ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า เป็นความท้าทายทางทหารที่ใหญ่ที่สุดต่อรัฐบาลทหารนับตั้งแต่ยึดอำนาจในปี 2564
สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNOCHA) ระบุในวันพุธ (15) ว่า “ประชาชนมากกว่า 200,000 คนทั่วรัฐชาน รัฐชิน รัฐกะยา และรัฐมอญ และภูมิภาคสะกายถูกบังคับให้ต้องพลัดถิ่นเนื่องจากการสู้รบ”
UNOCHA อ้างรายงานเบื้องต้นจากภาคสนามว่า มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 75 คน รวมทั้งเด็ก และได้รับบาดเจ็บ 94 คนจากการสู้รบ
ทั้งสองฝ่ายได้ตั้งจุดตรวจบนถนนที่พวกเขาควบคุมในรัฐชาน ขณะที่การสื่อสารของโทรศัพท์มือถือยังคงติดขัดที่บริเวณนอกเมืองล่าเสี้ยว ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการจัดส่งความช่วยเหลือ สหประชาชาติระบุ
รัฐบาลทหารยังประกาศใช้กฎอัยการศึกกับหลายเมืองในรัฐชาน ที่ยิ่งขัดขวางความพยายามในการบรรเทาทุกข์มากขึ้น
ความห่างไกลของภูมิภาคที่ปกคลุมด้วยป่าแห่งนี้เป็นที่ตั้งของท่อส่งน้ำมันและก๊าซไปจีน และการสื่อสารที่ติดขัดทำให้ยากต่อการตรวจสอบจำนวนผู้เสียชีวิต
รัฐบาลทหารยอมรับว่าเสียพื้นที่แต่ปฏิเสธคำกล่าวอ้างของกลุ่มติดอาวุธที่ระบุว่าได้เข้ายึดเมืองหลายแห่งทั่วตอนเหนือของรัฐชาน โดยชี้ว่าเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ
ในสัปดาห์นี้ กองทัพอาระกันได้เปิดการโจมตีครั้งใหม่ต่อทหารในรัฐยะไข่ และที่รัฐกะยา ที่มีพื้นที่ติดชายแดนไทย นักสู้ของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารระบุว่าพวกเขากำลังต่อสู้กับทหารใกล้กับเมืองลอยก่อ ที่เป็นเมืองเอกของรัฐ.