เอเอฟพี - รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยเผยกับนักข่าววันนี้ (12) ว่า ได้พบหารือกับอองซานซูจี ผู้นำประชาธิปไตยของพม่าที่ถูกโค่นล้มเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่นับเป็นการพบหารือกับทูตต่างประเทศเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เธอถูกควบคุมตัวหลังการรัฐประหารในปี 2564
“มีการประชุมหารือ เธอมีสุขภาพดีและเป็นการประชุมที่ดี” ดอน ปรมัตถ์วินัย กล่าวกับนักข่าวนอกรอบการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซีย
การประชุมดังกล่าวเป็นการพบหารือส่วนตัวและใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทยกล่าวกับเอเอฟพี
การรัฐประหารที่โค่นล้มซูจี ได้ยุติการปกครองในระบอบประชาธิปไตยช่วงสั้นๆ ของประเทศ และทำให้ประเทศตกอยู่ในความโกลาหลนองเลือด
เจ้าของรางวัลโนเบลวัย 78 ปี ถูกดำเนินคดีในข้อหาต่างๆ และถูกศาลของรัฐบาลทหารตัดสินจำคุกเป็นเวลารวมทั้งสิ้น 33 ปี ในการพิจารณาคดีที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนประณามว่าเป็นเรื่องหลอกลวง
ดอน ปรมัตถ์วินัย ยืนยันว่าเขาได้พบหารือกับซูจีในวันอาทิตย์ และเธอยังเรียกร้องให้มีการเจรจาใหม่อีกครั้งเพื่อยุติวิกฤต
“เธอสนับสนุนให้มีการเจรจา” ดอน กล่าว
รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยยังกล่าวว่าเขาสนับสนุนให้ ‘มีส่วนร่วมกับผู้มีอำนาจในกรุงเนปีดอ’ โดยอ้างถึงผู้ปกครองของรัฐบาลทหารในเมืองหลวงของประเทศ
“เห็นได้ชัดว่าเรากำลังพยายามหาทางที่จะแก้ไขปัญหาของพม่า หลังจากผ่านไป 2 ปี มีการพัฒนาและน่าจะเป็นไปในทิศทางบวก” ดอน ระบุ
ซูจีถูกพบเห็นเพียงครั้งเดียวนับตั้งแต่รัฐประหารในรูปถ่ายของสื่อของรัฐจากห้องพิจารณาคดีในเมืองหลวง
รัฐบาลทหารปฏิเสธคำร้องขอหลายครั้งหลายหนจากนักการทูตต่างชาติที่ต้องการจะพบหารือกับซูจี และการพิจารณาคดีของเธอส่วนใหญ่นั้น ทนายความของซูจีถูกห้ามไม่ให้พูดคุยกับสื่อ
ในเดือน มิ.ย.2565 ซูจีถูกย้ายจากการกักบริเวณในบ้านพักในกรุงเนปีดอไปขังเดี่ยวในเรือนจำ
เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงกล่าวกับเอเอฟพีโดยไม่ขอเปิดเผยชื่อว่า ดอน ปรมัตถ์วินัย เดินทางมาที่นี่เพียงวันเดียวและได้พบกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด มิน อ่อง หล่าย
“ผมไม่ทราบเรื่องการพบหารือกับดอว์อองซานซูจี” เจ้าหน้าที่คนเดิม กล่าว
กองทัพอ้างว่ามีการโกงเลือกตั้งอย่างกว้างขวางในการเลือกตั้งเดือน พ.ย.2563 ที่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของซูจีได้ชัยชนะอย่างท่วมท้น ซึ่งเป็นเหตุผลของการรัฐประหาร ที่ก่อให้เกิดการชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่และการปราบปรามนองเลือด
แต่ผู้สังเกตการณ์ต่างชาติกล่าวในตอนนั้นว่าการเลือกตั้งดำเนินไปอย่างเสรีและเป็นธรรม
พรรค NLD ถูกทำลายจากการรัฐประหาร โดยสมาชิกอาวุโสของพรรคหลายคนถูกจำคุก หรือกำลังหลบซ่อนตัว
พม่าอยู่ในความโกลาหลวุ่นวายมานับแต่นั้น โดยรัฐบาลทหารได้เผาทำลายหมู่บ้านและดำเนินการวิสามัญฆาตกรรมและโจมตีทางอากาศต่อพลเรือน ตามการระบุของกลุ่มสิทธิมนุษยชน
สหประชาชาติระบุว่า มีผู้คนมากกว่า 1 ล้านคน ต้องพลัดถิ่นจากการสู้รบระหว่างรัฐบาลทหารและฝ่ายตรงข้ามการรัฐประหาร.