รอยเตอร์ - วินฟาสต์ (VinFast) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของเวียดนามรายงานรายได้ไตรมาสแรกของปีลดลง 49% โดยมีผลขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 598 ล้านดอลลาร์ ในการรายงานเต็มรูปแบบครั้งแรกนับตั้งแต่บริษัทเริ่มส่งออกไปสหรัฐฯ
วินฟาสต์เปิดเผยข้อมูลในเอกสารที่ยื่นต่อหน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่การควบรวมกิจการกับบริษัทเช็คเปล่า คาดว่าจะเสร็จสิ้นในเดือนหน้า ที่จะประเมินมูลค่าของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ที่ 23,000 ล้านดอลลาร์
สำหรับรายได้รายไตรมาสของบริษัทลดลงเกือบ 84 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากการปรับลดราคาขาย และการยุติการผลิตรถยนต์สันดาปภายใน ด้วยบริษัทผันตัวมาเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ
วินฟาสต์ที่ยื่นขอเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปในสหรัฐฯ ได้ประกาศเมื่อเดือนก่อนว่าบริษัทจะเสนอขายหุ้นผ่านการควบรวมกับบริษัท Black Spade Acquisition Co. ที่เป็นบริษัท SPAC (บริษัทที่ตั้งขึ้นเพื่อระดมทุนเข้าซื้อกิจการของบริษัทอื่น)
ทั้งนี้ วินฟาสต์ และ Black Spade ตั้งเป้าให้การควบรวมกิจการเสร็จสิ้นภายในวันที่ 20 ก.ค.นี้
วินฟาสต์จะเผชิญกับการแข่งขันจากคู่แข่งในตลาดที่นำโดยเทสลา ซึ่งเสนอรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ออกสู่ตลาดท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
ฝ่าม เญิต เวือง ผู้ก่อตั้งวินฟาสต์กล่าวกับผู้ถือหุ้นกลุ่มบริษัทวินกรุ๊ปว่า วินฟาสต์อาจถึงจุดคุ้มทุนได้ภายในสิ้นปี 2567 และเขาได้คาดการณ์ว่าบริษัทจะขายรถได้ 50,000 คันในปีนี้ หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2565 เกือบ 7 เท่า เนื่องจากบริษัทเพิ่มการส่งออกไปอเมริกาเหนือ และเริ่มจัดส่งไปยุโรป
วินฟาสต์เริ่มดำเนินการในปี 2562 โดยมีโรงงานตั้งอยู่ในเวียดนาม และบริษัทยังมีแผนที่จะตั้งโรงงานแห่งที่ 2 ที่รัฐนอร์ทแคโรไลนา
บริษัทได้จัดส่งรถไฟฟ้าราว 3,000 คันไปอเมริกาเหนือ และคาดว่าจะจัดส่งรถไฟฟ้า VF8 รุ่นระยะไกลให้ลูกค้าในเดือนนี้.
