กลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ (JPC/MNC Banking) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) ภายใต้การนำของแม่ทัพคนใหม่ นายบุนเซ โอคุโบะ ประกาศกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปี 2556 ขยายศักยภาพเชื่อมต่ออาเซียน ผุดบริการใหม่ “ASEAN LINK ที่ปรึกษาด้านธุรกิจสำหรับลูกค้าที่ต้องการขยายธุรกิจสู่อาเซียน ประสานพลังเครือข่าย MUFG เพื่อเชื่อมทุกความต้องการทำธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเดินหน้าต่อยอดธุรกิจเพื่อความยั่งยืน (ESG Finance) และสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัปในเวทีนานาชาติ
นายบุนเซอิ โอคุโบะ ประธานกลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ (JPC/MNC Banking) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวทางในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มในปี 2566 นี้ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ 3% สอดคล้องกับการคาดการณ์จีดีพีปีนี้ที่ระดับ 3.3% โดยจะให้ความสําคัญกับการเชื่อมต่ออาเซียนเป็นหนึ่งในพันธกิจสำคัญของกรุงศรี พร้อมกันนั้น ได้ยกระดับบริการที่ปรึกษาทางธุรกิจเพื่อเชื่อมต่อทั้งภูมิภาคอาเซียนด้วยบริการใหม่ ASEAN LINK ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการในการทําธุรกิจ เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราเติบโตใน 9 ประเทศทั่วทั้งอาเซียน และต่อยอดได้ในอีกกว่า 50 ประเทศ ทั่วโลกผ่านเครือข่ายที่แข็งแกร่งของ MUFG
"ในช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนญี่ปุ่นติดอันดับ TOP 3 ในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอยู่แล้ว เพราะไทยมีข้อได้เปรียบในด้านทักษะแรงงาน ความพร้อมด้านอินฟราสตรักเจอร์ และความมั่นคงทางด้านการเงิน และเราเชื่อว่าการเข้ามาลงทุนจะยังมีต่อเนื่อง ขณะที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เกิดขึ้นภายหลังการเลือกตั้งนั้นเชื่อว่ายังไม่ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนในขณะนี้"
สำหรับบริการ Krungsri ASEAN LINK นับเป็นศูนย์กลางบริการด้านการทำธุรกิจในระดับภูมิภาคอาเซียนผ่านเครือข่ายที่แข็งแกร่งของกรุงศรี และ MUFG มีความรู้ความเข้าใจในอุตสาหกรรมที่แตกต่างและหลากหลาย พร้อมนำเสนอโซลูชันทางการเงินให้ยุคแบบ Tailor-made โดยเริ่มตั้งแต่การให้คำปรึกษา วิเคราะห์ และสนับสนุนข้อเสนอด้านการตลาด รวมถึงแนวโน้มทางเศรษฐกิจเพื่อการควบรวมกิจการและการขยายการลงทุนในต่างประเทศ การพัฒนาและจัดตั้งสำนักงานธุรกิจในระดับภูมิภาค การให้บริการที่ปรึกษาทางกฎหมายและภาษีอากร และการจับคู่ทางธุรกิจ เป็นต้น
นอกจากนี้ กรุงศรียังคงเดินหน้ากลยุทธ์ในการต่อยอดการสนับสนุนด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน ด้วยการถ่ายทอดองค์ความรู้ผ่านเครือข่ายพันธมิตร พร้อมต่อยอดความร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) และ Zinboard the สตาร์ทอัปสัญชาติญี่ปุ่น ที่เชี่ยวชาญด้านคลาวด์เทคโนโลยีเกี่ยวกับการคำนวณและการแสดงผลลัพธ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของธุรกิจและ Surry chilli เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจสีเขียวอย่างเป็นรูปธรรม
และร่วมเป็นส่วนช่วยผลักดันสตาร์ทอัปสู่เวทีอาเซียนผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ โดยในปีนี้กรุงศรีได้ร่วมจัดงาน Japan-ASEAN Smart-up) Business Matching Fair 2023 ร่วมกับกระทรวงเศรษฐกิจประเทศญี่ปุ่น (METI) Onpa และ Techo ซึ่งเป็นงานจับคู่ธุรกิจสำหรับกลุ่มสตาร์ทอัปที่ได้รับการ สนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งมีสตาร์ทอัปเข้าร่วมงานมากกว่า 60 บริษัท จาก 9 ประเทศ และจากหลากหลายอุตสาหกรรม โดยมีนักลงทุนเข้าร่วมถึง 160 บริษัท จาก 6 ประเทศ นับเป็นการผนึกกำลังภายในเครือข่าย MUFG ในการสร้างโอกาสครั้งสำคัญให้สตาร์ทอัป