MGR Online - กองทัพอาระกันตกลงหยุดยิงอย่างไม่เป็นทางการกับกองทัพพม่า เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนชาวยะไข่ได้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ เผย 4 เดือนที่รบกัน ชาวบ้านต้องประสบกับความยากลำบาก ขาดแคลนอาหารการกิน หลายเส้นทางถูกปิด เจ็บป่วยจะไปหาหมอทำได้ยาก
ตั้งแต่เวลา 00.00 น. ของวันที่ 26 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นมา กองทัพอาระกัน (AA) และกองทัพพม่า ได้ตกลงหยุดยิงกันอย่างไม่เป็นทางการ หลังจากสองฝ่ายกลับมาเปิดฉากสู้รบกันอีกครั้งเมื่อกลางเดือนกรกฎาคม 2565
ข่ายสุขะ โฆษกกองทัพอาระกันให้สัมภาษณ์กับ Narinjara และ Development Media Group 2 สำนักข่าวที่นำเสนอเนื้อหาของรัฐยะไข่โดยเฉพาะว่า การหยุดยิงที่เกิดขึ้นเป็นข้อตกลงหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม (Humanitarian Ceasefire) เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนในรัฐยะไข่ได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ สามารถเดินทางไปทำธุระตามที่ต่างๆ รวมถึงออกจากบ้านเพื่อไปเก็บเกี่ยวผลผลิตของตนเองได้
อย่างไรก็ตาม โฆษกกองทัพอาระกันยืนยันว่า แม้มีการหยุดยิงกับกองทัพพม่าแล้วก็ตาม แต่จุดยืนทางการเมืองของกองทัพอาระกัน ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
กองทัพอาระกันเป็นกองกำลังติดอาวุธของชาวยะไข่พุทธ จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2552 เพื่อเรียกร้องสิทธิในการปกครองตนเอง ดูแล จัดการผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือของรัฐยะไข่ขึ้นไปถึงตอนใต้ของรัฐชิน และลดบทบาทของกองทัพพม่าในพื้นที่เหล่านี้
กองทัพอาระกันเริ่มเปิดฉากสู้รบกับกองทัพพม่าอย่างจริงจังในปลายปี 2561 กระทั่งในเดือนพฤศจิกายน 2563 ก่อนการเลือกตั้งทั่วไป ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงกันอย่างไม่เป็นทางการครั้งแรก และเริ่มเปิดการเจรจาสันติภาพระหว่างกัน
ช่วงแรก หลังกองทัพพม่าทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 กองทัพอาระกันวางตัวเป็นกลาง แม้รัฐบาลเงา (NUG) ที่สมาชิกพรรค NLD จัดตั้งขึ้นพยายามชักชวนกองทัพอาระกันให้เข้าร่วมเคลื่อนไหวสู้รบกับกองทัพพม่า แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ ทำให้รัฐยะไข่เป็นพื้นที่ซึ่งสงบ แทบไม่มีความเคลื่อนไหวของฝ่ายต่อต้านการรัฐประหารเกิดขึ้น
กองทัพอาระกันเริ่มกลับมาสู้รบกับกองทัพพม่าอีกครั้งเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 หลังเกิดเหตุเครื่องบินรบของกองทัพพม่า 2 ลำ ได้ทิ้งระเบิดลงยังค่ายของทหารกองทัพอาระกันที่ถูกส่งมาฝึกการรบกับกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) ในป่าริมแม่น้ำสาละวิน ในเขตจังหวัดผาปูน รัฐกะเหรี่ยง ตรงข้ามกับอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในวันที่ 4 กรกฎาคม ส่งผลให้ทหารอาระกันเสียชีวิต 6 นาย และได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนค่ายทหารที่ตั้งอยู่ได้รับความเสียหายทั้งหมด
ตลอด 4 เดือน ที่สองฝ่ายกลับมารบกันใหม่อีกครั้งนั้น ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประชาชนในรัฐยะไข่ ต้องประสบกับความทุกข์ยาก ขาดแคลนข้าวปลาอาหาร เนื่องจากหลายพื้นที่ หลายเส้นทาง ทั้งทางบกและทางน้ำไม่สามารถเดินทางได้ เมื่อชาวบ้านเจ็บไข้ได้ป่วย จะไปหาหมอที่โรงพยาบาลก็ทำได้ยาก ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สู้รบหลายพันรายต้องยอมทิ้งบ้านเรือน ไร่นา หนีไปอาศัยอยู่ตามวัดเพื่อความปลอดภัย และต้องใช้ชีวิตแบบลำบาก
มีรายงานว่า หลังกองทัพอาระกันกับกองทัพพม่าตกลงหยุดยิงตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน การเดินทางสัญจรในหลายจุดได้เริ่มฟื้นคืนมาใหม่ โดยเฉพาะการสัญจรทางน้ำจากเมืองซิตต่วย ขึ้นไปยังเมืองระเตด่อง และบูตีด่อง ที่บริษัทเดินเรือได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งตั้งแต่วันนี้ (28 พ.ย.).