MGR Online - บนโต๊ะว่าอย่าง แต่สนามรบจริงเป็นอีกอย่าง หลัง 10 ทัพชาติพันธุ์ประชุมที่เชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ให้ใช้การเจรจาเพื่อยุติความตึงเครียดในพม่า แต่เสียงปืนยังดังสนั่นบนถนน AH 1 ในรัฐกะเหรี่ยง รถอีกหลายสิบคันยังถูกเผาวอด ชาวบ้านสังเวยแล้วอย่างน้อย 2 ศพ
เช้าวันนี้ (4 เม.ย.) ตลอดแนวเส้นทาง AH 1 หรือถนนสายอาเซียน ช่วงจากเมืองเมียวดี ตรงข้ามอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ไปยังเมืองกอกะเรก จังหวัดดูบลายา ยังมีการสู้รบอย่างรุนแรงระหว่างทหารพม่า กับกองกำลังผสมกะเหรี่ยง ที่ประกอบด้วย กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) องค์กรป้องกันแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNDO) กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธ (DKBA) และกองกำลังติดอาวุธของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล (PDF)
มีรายงานการเผารถจำนวนหลายสิบคัน ทั้งรถบรรทุกสินค้า รถบัสโดยสาร รถตู้ รวมถึงรถยนต์นั่งส่วนบุคคล โดยจากภาพที่เจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลซึ่งเสี่ยงตายเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ตกอยู่ในเหตุการณ์รุนแรงได้เผยแพร่ออกมา เห็นรถอย่างน้อย 10 คัน กำลังถูกเผา ไฟลุกไหม้ท่วมทั้งคัน ส่งควันดำคละคลุ้งอยู่บนถนน
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่าเหตุโจมตีและเผารถยนต์หลายสิบคันบนถนน AH 1 เมื่อเช้าวันนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตกี่ราย
ถนน AH 1 เป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้าที่ซื้อขายผ่านชายแดนไทย-พม่า ผ่านช่องทางแม่สอด-เมียวดี เพื่อนำไปกระจายต่อทั่วทุกภาคของพม่า และเป็นเส้นทางหลักในการสัญจรของผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองเมียวดี กอกะเรก และผะอัน เมืองหลวงของรัฐกะเหรี่ยง
เมื่อวันที่ 26 มีนาคม สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) โดยกองพลที่ 6 KNLA ประกาศปิดถนน AH 1 ช่วงเมียวดี-กอกะเรก ห้ามรถทุกชนิดผ่านตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคมเป็นต้นไป โดยไม่มีกำหนด แต่เนื่องจากถนนสายนี้เป็นเส้นทางสำคัญที่ผู้คนจำเป็นต้องใช้ ทำให้มีผู้ที่เสี่ยงตาย เดินทางผ่านอยู่เป็นระยะ
มีรายงานว่า ตั้งแต่วันแรกที่ KNU เริ่มปิดถนน (27 มี.ค.) กระทั่งถึงเมื่อวานนี้ มีการเผารถยนต์ไปแล้วหลายสิบคัน และผู้ใช้เส้นทางอย่างน้อย 2 ราย ถูกยิงเสียชีวิต โดยมีรถบรรทุกสินค้า 2 คันถูกเผาในวันแรก ต่อมา (28 มี.ค.) มีการเผารถบรรทุกอีก 2 คัน และยิงรถเก๋งอีก 1 คัน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย จากนั้นก็เกิดเหตุรุนแรงกับรถที่เสี่ยงวิ่งบนถนน AH 1 อย่างต่อเนื่อง
สถานการณ์บนถนน AH 1 ในรัฐกะเหรี่ยง เป็นไปในทางตรงข้ามกับแถลงการณ์ของคณะทำงานกระบวนการสันติภาพ (Peace Process Steering Team : PPST) ที่เพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมใหญ่ครั้งที่ 4 ในจังหวัดเชียงใหม่ไปเมื่อวานนี้ (3 เม.ย.) โดยที่ประชุมใหญ่ PPST ได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่าหนทางเดียวที่จะยุติความขัดแย้งทางการเมืองที่กำลังดำเนินอยู่ในพม่าขณะนี้ได้ จำเป็นต้องใช้วิธีการเจรจากันของทุกฝ่าย โดยยึดเนื้อหาซึ่งถูกกำหนดไว้ในสัญญาหยุดยิงทั่วประเทศ (NCA) ที่ได้มีการเซ็นกันไปตั้งแต่ปี 2558 เป็นหลัก
PPST เป็นการรวมตัวกันของกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ 10 กลุ่ม ที่ได้เซ็น NCA กับรัฐบาลพม่าแล้ว ประกอบด้วย
1.KNU
2.DKBA
3.สภาแห่งชาติกะเหรี่ยงสันติภาพ (KNU/KNLA-PC)
4.สภาเพื่อการกอบกู้รัฐชาน (RCSS/SSA)
5.องค์กรปลดปล่อยชาติปะโอ (PNLO)
6.แนวร่วมแห่งชาติชิน (CNF)
7.แนวร่วมประชาธิปไตยของมวลนักศึกษาพม่า (ABSDF)
8.พรรคปลดปล่อยอาระกัน (ALP)
9.พรรครัฐมอญใหม่ (NMSP)
10.สหภาพประชาธิปไตยลาหู่ (LDU)
PPST จัดประชุมใหญ่ครั้งที่ 4 ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม ถึง 3 เมษายน เป็นการประชุมผสมผสาน มีทั้งแบบเผชิญหน้า และประชุมผ่านระบบออนไลน์ มีผู้เข้าร่วมประชุม 96 คน ประกอบด้วยผู้นำสูงสุดของกองกำลังติดอาวุธ และตัวแทน 10 กลุ่ม คณะทำงานของแต่ละฝ่าย ตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงผู้สังเกตุการณ์ที่ถูกเชิญ
ซอ มูตู เซโพ ประธาน KNU เป็น 1 ใน 3 ผู้นำสูงสุดกองทัพชาติพันธุ์ ที่ได้ขึ้นกล่าวเปิดการประชุม ที่เหลืออีก 2 คน มี พล.อ.เจ้ายอดศึก ประธาน RCSS และนายหงสา ประธาน NMSP
โยเฮอิ ซาซากาวะ ประธาน Japan’s Nippon Foundation และฐานะทูตพิเศษด้านกระบวนปรองดองในพม่าของญี่ปุ่น ซึ่งเพิ่งนัดตัวแทนชาติพันธุ์บางกลุ่มไปพูดคุยกันที่เชียงใหม่เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ก็เข้าร่วมประชุม และได้ส่งสาสน์แสดงความยินดีมายังที่ประชุม PPST ครั้งนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเชิงลึกว่าจริงๆ แล้วการประชุม PPST รอบนี้มีการพูดคุยกันเรื่องอะไรบ้าง.
