รมว.ต่างประเทศเขมรเผยการเยือนพม่าของ "ฮุนเซน" ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

เอพี - ผู้นำกัมพูชากลับถึงประเทศแล้ววันนี้ (8) จากการเดินทางเยือนพม่าโดยผู้นำต่างชาติเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กองทัพเข้ายึดอำนาจเมื่อปีก่อนที่ทำให้พม่าตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวาย โดยรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาประกาศว่า ภารกิจประสบความสำเร็จ แม้จะมีหลักฐานของความก้าวหน้าเพียงเล็กน้อยก็ตาม


ปรัก สุคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา กล่าวกับนักข่าวว่า การเจรจาระหว่างนายกรัฐมนตรีฮุนเซน และผู้นำพม่าประสบความสำเร็จดีมาก และมีความก้าวหน้าที่มุ่งไปสู่การดำเนินการตามความพยายามสร้างสันติภาพที่เห็นพ้องกันโดยสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลุ่มระดับภูมิภาคที่กัมพูชาเป็นประธานกลุ่มในปัจจุบัน

การพบหารือของฮุนเซน กับ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารที่โค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของอองซานซูจี เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ก่อให้เกิดการประท้วงในพม่าและการวิพากษ์วิจารณ์จากต่างประเทศ ซึ่งฝ่ายต่อต้านกล่าวว่า การพบหารือดังกล่าวจะเป็นการสร้างความชอบธรรมให้การยึดอำนาจของทหาร และยังทำลายการโดดเดี่ยวทางการทูตเกือบทั้งหมดของนายพล

การยึดอำนาจของทหารก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างกว้างขวางกับพลเรือนที่ตั้งกลุ่มกองโจร และประชาชนหลายพันคนถูกขับไล่ออกจากบ้านของตนเองโดยการโจมตีของกองทัพ

“หากมีผู้ใดคัดค้านความก้าวหน้าของการเจรจาเหล่านี้และข้อตกลงเช่นนี้ คงเป็นเพียงผู้ที่ชอบสงคราม ผู้ที่ไม่ต้องการเห็นพม่ากลับคืนสู่ความมั่นคงและสันติสุข” ปรัก สุคน ที่เป็นผู้แทนพิเศษของอาเซียนว่าด้วยกิจการพม่า กล่าว

คำแถลงร่วมเกี่ยวกับหารือเมื่อวันศุกร์ (7) อธิบายว่า พวกเขาได้หารือกันอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา และระบุว่า พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ได้ขยายการหยุดยิงไปจนถึงสิ้นปี นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองจะผลักดันการพบหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

ข้อเสนอการหยุดยิงดังกล่าวน่าจะไม่ได้รับความสนใจจากฝ่ายตรงข้ามทหาร เนื่องจากข้อตกลงเช่นนี้มักถูกละเมิดอยู่เป็นประจำในพม่า และการหยุดยิงยังอ้างถึงแต่เพียงกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์เท่านั้น ไม่ใช่กับหน่วยกองโจรของพลเรือนที่กำลังต่อสู้อยู่ในขณะนี้


ปรัก สุคน ยังเปิดเผยว่า ฮุนเซนได้หยิบยกกรณีของฌอน เทอร์เนลล์ อดีตที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจชาวออสเตรเลียของอองซานซูจี ที่กำลังถูกพิจารณาคดีในพม่าในข้อหาละเมิดความลับราชการ เขากล่าวว่า ฮุนเซนยกเรื่องดังกล่าวขึ้นตามคำร้องของรัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย

“ฮุนเซนยกประเด็นดังกล่าวขึ้นหารือกับมิน อ่อง หล่ายโดยตรง และเขาตอบว่าคดีนี้อยู่ในศาล แต่เขาบอกว่าเมื่อคดีเสร็จสิ้นเขาจะพิจารณาคดีนี้ นั่นหมายความว่าเขาสัญญาว่าจะมีข่าวดีให้ฮุนเซน” ปรัก สุคน กล่าว

เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา บรรดาผู้นำอาเซียน รวมถึงมิน อ่อง หล่าย เห็นพ้องร่วมกันในฉันทมติ 5 ข้อ เพื่อแก้ไขวิกฤตพม่าอย่างสันติ รวมถึงการยุติความรุนแรงและการเจรจาทางการเมืองระหว่างทุกฝ่าย

ผู้นำพม่าถูกกีดกันจากการเข้าร่วมการประชุมอาเซียนในเดือน ต.ค. หลังผู้แทนพิเศษของกลุ่มถูกปฏิเสธไม่ให้พูดคุยกับซูจี และผู้ถูกคุมขังทางการเมืองคนอื่นๆ ที่เป็นหนึ่งในเงื่อนไขของข้อตกลง

กองทัพพม่ากล่าวว่า ฮุนเซนจะไม่ได้รับอนุญาตให้พบหารือกับซูจี ที่ถูกตัดสินความผิดในเดือน ธ.ค. จากข้อหายุยงปลุกปั่นและละเมิดข้อจำกัดโควิด-19 และถูกตัดสินจำคุก 4 ปี และในเวลาต่อมา มิน อ่อง หล่าย ได้ลดโทษเหลือครึ่งหนึ่ง แต่เธอยังคงเผชิญกับข้อกล่าวหาอื่นๆ อีกจำนวนมาก

กองทัพพม่ามีประวัติเรื่องการนองเลือด รวมถึงการปราบปรามชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮิงญาอย่างโหดร้าย การยึดอำนาจดังกล่าวก่อให้เกิดการชุมนุมประท้วงทั่วประเทศ ซึ่งกองกำลังความมั่นคงได้เข้าปราบปรามด้วยกำลังรุนแรงถึงชีวิต

กองทัพยังมีส่วนในการปราบปรามอย่างรุนแรงต่อผู้เห็นต่าง การสูญหาย การทรมาน และการวิสามัญฆาตกรรม นอกจากนี้ ยังเปิดฉากโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินกับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์

กองกำลังความมั่นคงได้สังหารพลเรือนไปราว 1,443 คน ตามการระบุของสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง ในขณะที่การปราบปรามทวีความรุนแรงขึ้น การต่อต้านด้วยอาวุธภายในประเทศก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน.