รอยเตอร์ - เอกอัครราชทูตพม่าประจำสหประชาชาติร้องต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ว่า วอชิงตันควรกำหนดมาตรการคว่ำบาตรมุ่งเป้าไปที่บริษัทน้ำมันและก๊าซพม่าที่เป็นกิจการของรัฐ และธนาคารที่รัฐเป็นเจ้าของ
เอกอัครราชทูตจอ โม ตุน ตัวแทนของสมาชิกสภาที่ได้รับเลือกตั้งที่ต่อต้านรัฐบาลทหารของพม่า ยังเตือนด้วยว่าวิกฤตจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ในประเทศ คุกคามความมั่นคงในภูมิภาค
ฝ่ายบริหารของไบเดนได้ประณามการรัฐประหารและกำหนดมาตรการคว่ำบาตรกับนายพลที่นำการรัฐประหาร ตลอดจนสมาชิกบางคนในครอบครัวของพวกเขาและธุรกิจที่ทำรายได้ให้พวกเขา
เอกอัครราชทูตพม่ากล่าวต่อคณะกรรมาธิการการต่างประเทศว่า สหรัฐฯ ควรกำหนดมาตรการคว่ำบาตรกับธนาคารการค้าต่างประเทศแห่งสหภาพพม่า (MFTB) และบริษัทน้ำมันและก๊าซพม่า (MOGE) เช่นเดียวกับธนาคารเมียวดีและธนาคารอินวะที่ดำเนินการโดยทหาร
MOGE ดำเนินการแหล่งก๊าซนอกชายฝั่งด้วยการร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติ ที่รวมทั้งบริษัทเชฟรอน (Chevron) ของสหรัฐฯ และบริษัทโททาล (Total) ของฝรั่งเศส ขณะที่ธนาคาร MFTB ดำเนินธุรกรรมในสกุลเงินต่างประเทศให้แก่รัฐบาลพม่า
สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง (AAPP) กล่าวว่า กองกำลังความมั่นคงได้สังหารพลเรือนไปอย่างน้อย 766 คนนับตั้งแต่การรัฐประหาร ที่ก่อให้เกิดการชุมนุมประท้วงทั่วประเทศ
นักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยบางคนเดินทางไปยังพื้นที่ชายแดนเพื่อเข้าร่วมกับกลุ่มติดอาวุธที่ต่อสู้เรียกร้องการปกครองตนเอง
“ผมต้องการเน้นย้ำว่าพม่าไม่เพียงเป็นพยานถึงความปราชัยของประชาธิปไตยอีกครั้งหนึ่งเท่านั้น แต่วิกฤตที่เกิดขึ้นกำลังคุกคามความสงบสุขและความมั่นคงของภูมิภาค” เอกอัครราชทูต จอ โม ตุน กล่าว.