MGR Online - 2 หนุ่มไทยลักลอบนั่งเรือข้ามโขงไปเที่ยวสถานบันเทิงในเวียงจันทน์หลายแห่งเกือบ 10 วัน กลายเป็นต้นตอแพร่เชื้อต่อเป็นวงกว้าง ส่งผลวันนี้วันเดียว ลาวได้สถิติใหม่ พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มถึง 28 คน มากที่สุดนับแต่เริ่มมีการระบาด
นายสีสะหวาด สุดทานีละไซ รองหัวหน้ากรมควบคุมโรคติดต่อ ในนามคณะเฉพาะกิจควบคุมโควิด-19 สปป.ลาว แถลงข่าวว่า เมื่อวานนี้ (20 เม.ย.) เพียงวันเดียว ลาวตรวจพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นถึง 28 คน หรือ 47% จากยอดผู้ป่วยสะสมก่อนหน้านั้นซึ่งอยู่ที่ 60 คน ถือเป็นยอดผู้ป่วยที่พบเพิ่มสูงที่สุดนับแต่โควิด-19 เริ่มระบาดในลาวเมื่อเดือนมีนาคม 2563 ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยสะสมทั่วประเทศขณะนี้อยู่ที่ 88 คน รักษาหายแล้ว 49 คน กำลังรักษา 39 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต
ในจำนวนผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัวอยู่นั้น อยู่ในโรงพยาบาลมิตรภาพ นครหลวงเวียงจันทน์ 31 คน ในแขวงจำปาสัก 3 คน สะหวันนะเขต 2 คน แขวงบ่อลิคำไซ คำม่วน และสาละวัน แขวงละ 1 คน โดยผู้ป่วยที่พบเพิ่มเมื่อวานนี้ 28 คน ตรวจพบในแขวงจำปาสัก 2 คน เป็นแรงงานชาวลาวที่เดินทางกลับจากประเทศไทยโดยผ่านขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมาย และได้เข้ากักตัวอยู่ในสถานที่ซึ่งรัฐจัดให้ ก่อนเก็บตัวอย่างไปตรวจและพบว่าติดโควิด-19
ส่วนอีก 26 คน ตรวจพบในนครหลวงเวียงจันทน์ ทั้งหมดเป็นคลัสเตอร์ที่ติดเชื้อต่อเนื่องจากผู้ป่วยลำดับ 59 ซึ่งในการแถลงข่าววันนี้ ได้ระบุชัดเจนว่า ต้นตอที่แท้จริงของคลัสเตอร์นี้มาจากคนไทยที่เข้าไปในลาวโดยผิดกฎหมาย โดยผู้ป่วยลำดับที่ 59 มีประวัติพบปะใกล้ชิดกับคนไทยกลุ่มนี้ที่ลักลอบข้ามแม่น้ำโขงจากประเทศไทยเข้าไปเที่ยวลาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และแพร่เชื้อต่อให้แก่ผู้อื่นเป็นวงกว้าง
ผู้ป่วยที่ตรวจพบในนครหลวงเวียงจันทน์ 26 คน มาจากร้านนวด 1111 จำนวน 3 คน ร้าน Diamond Karaoke 2 คน ร้าน Marina Night Clup 3 คน ร้าน Funny 89 ร้านข้าวเปียกไก่ผู้โอก และร้าน Bar and Karaoke 8118 ร้านละ 1 คน ที่เหลืออีก 15 คน เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในอู่ซ่อมรถโพนต้อง ชุมชนบ้านโพนทัน บ้านหนองทาใต้ บ้านสีไค บ้านหนองพะยา และบ้านสะพานทองใต้ ซึ่งมีประวัติเคยไปเที่ยวยังแหล่งบันเทิงต่างๆ ข้างต้น
สำหรับผู้ป่วยลำดับที่ 59 เป็นชาวลาว เพศหญิง อายุ 25 ปี เป็นนักศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่ง และยังเป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อ Funny 89 บ้านท่าสะหว่าง เมืองไซทานี นครหลวงเวียงจันทน์
ไทม์ไลน์ของผู้ป่วยลำดับที่ 59 มีดังนี้
8 เมษายน - เพื่อนของผู้ป่วย 3 คน เดินทางจากแขวงสะหวันนะเขตมายังนครหลวงเวียงจันทน์ 1 ในนั้นเป็นคนลาว เพศหญิง แต่อีก 2 คน เป็นคนไทย เพศชาย
คนไทยทั้งคู่ได้ลักลอบนั่งเรือข้ามแม่น้ำโขงจากจังหวัดมุกดาหาร ฝั่งไทย ไปยังแขวงสะหวันนะเขต
ทั้ง 3 คน ได้ขึ้นรถโดยสารจากสะหวันนะเขตในช่วงค่ำของวันที่ 7 เมษายน มาถึงนครหลวงเวียงจันทน์ ในเวลา 05.00 น. ของวันที่ 8 เมษายน
เมื่อมาถึงนครหลวงเวียงจันทน์ในตอนเช้า ทั้ง 3 ได้ไปที่ร้าน Karaoke 8118 บ้านฮ่องไก่แก้ว เมืองจันทะบูลี ก่อนเข้าพักยังโรงแรมเจือง 2 ในเขตบ้านสีบุนเฮือง ที่อยู่ในเมืองจันทะบูลีเช่นกัน
ตกตอนเย็นผู้ป่วยลำดับที่ 59 ได้ไปพบกับเพื่อนทั้ง 3 คน ที่โรงแรมเจือง 2 จากนั้นทั้งหมดได้ไปกินข้าวกันที่ร้าน Funny 89 ซึ่งเป็นของผู้ป่วย
9 เมษายน - เวลา 15.00-16.00 น. ผู้ป่วยไปรับเพื่อนจากโรงแรมเจือง 2 เพื่อพาไปที่วัดสีเมือง และส่งทั้ง 3 กลับไปยังโรงแรมเจือง 2 จากนั้นผู้ป่วยได้ไปเรียนภาษาอังกฤษที่ Vientiane College จนถึง 18.30 น. จึงกลับบ้าน
เวลา 20.00 น. ผู้ป่วยไปรับเพื่อนทั้ง 3 ที่โรงแรมเจือง 2 อีกครั้ง เพื่อพากันไปกินข้าวที่ร้าน Funny 89 และอยู่ที่ร้านนี้จนถึงเวลาปิด 24.00 น. จึงพากลับไปส่งที่โรงแรม
10 เมษายน - ผู้ป่วยไปหาเพื่อนทั้ง 3 คนที่โรงแรมเจือง 2 แต่ไม่พบ และไม่รู้ว่าเพื่อนทั้ง 3 คนเดินทางไปไหน
11 เมษายน - ผู้ป่วยไม่ได้พบกับเพื่อนทั้ง 3 คน แต่ทราบว่าทั้ง 3 ได้ไปเที่ยวยังร้าน What Club และอยู่ที่นี่จนร้านปิดในเวลา 24.00 น. แล้วพากันไปเที่ยวต่อที่ร้าน Karaoke 8118
เหตุที่ทราบเพราะเพื่อนทั้ง 3 ได้ส่งรูปมาให้ผู้ป่วยดู จากในรูปพบว่ามีผู้ร่วมเที่ยวเป็นเพศหญิงเพิ่มเข้ามาด้วยอีก 1 คน รวมเป็นทั้งหมด 4 คน
12 เมษายน - เวลา 13.00 น. ผู้ป่วยไปรับเพื่อนทั้ง 3 คนที่โรงแรมเจือง 2 พบว่าเพื่อนคนไทย 1 คน เริ่มมีอาการป่วย จึงไม่ได้ออกมาด้วย
เวลา 15.00 น. ผู้ป่วยพร้อมกับเพื่อนทั้ง 3 คน ได้พากันไปนวดที่ร้าน 1111 อยู่ใกล้กับธนาคารอินโดไชน่า จากนั้นทั้งหมดได้พากันไปเที่ยวอยู่หลายสถานที่ จนตอนค่ำ เพื่อนอีก 1 คนก็เริ่มมีอาการป่วย
13 เมษายน - เพื่อนทั้ง 3 คน ของผู้ป่วยมีอาการไม่สบาย จึงไม่ได้เจอกัน
14 เมษายน - ผู้ป่วยเริ่มมีอาการปวดเมื่อยตามตัว
16 เมษายน - เพื่อน 2 คน ที่เป็นคนไทยได้ลักลอบนั่งเรือข้ามแม่น้ำโขงจากนครหลวงเวียงจันทน์ กลับมายังอำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย
17 เมษายน - เวลา 06.30 น. เพื่อนของผู้ป่วยโทรศัพท์มาบอกว่า ทั้ง 3 คนที่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน ป่วยเป็นโควิด-19 และ 1 ในนั้นมีอาการหนัก
16.00 น. ผู้ป่วยเริ่มมีอาการไข้และปวดท้อง จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลลาวเวียด แพทย์วินิจฉัยเบื้องต้นว่าผู้ป่วยติดเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร จึงจัดยาให้และกลับมาพักฟื้นที่บ้าน
18 เมษายน - ผู้ป่วยอยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้ออกไปไหน
19 เมษายน - เวลา 15.00 น. ผู้ป่วยเริ่มมีอาการอ่อนเพลีย จึงได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลมิตรภาพ ผลตรวจเชื้อออกมาในเวลา 19.50 น.ว่าติดเชื้อโควิด-19 แพทย์ได้ตรวจสอบหาผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายนี้ พบว่ามีทั้งสิ้น 35 คน
กรณีผู้ป่วยลำดับที่ 59 นับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่คนไทยซึ่งลักลอบนั่งเรือข้ามแม่น้ำโขงไปเที่ยวยังฝั่งลาว ได้เป็นตัวแพร่เชื้อโควิด-19 โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 3 เมษายน มีกรณีของผู้ป่วยลำดับที่ 50 นักธุรกิจชาวไทย เจ้าของร้านเกมและอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ที่บ้านโพนต้อง เมืองจันทะบูลี ซึ่งได้พบกับคนไทย 3 คน ที่บ้านท่าเดื่อ เมืองหาดซายฟอง
คนไทยทั้ง 3 ได้ลักลอบข้ามแม่น้ำโขงมาจากอำเภอท่าท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย เมื่อผู้ป่วยลำดับที่ 50 เห็นว่าเป็นคนไทยเหมือนกันจึงได้ซื้อเบียร์มานั่งดื่มด้วยกันตรงริมแม่น้ำโขงประมาณ 40 นาที ก่อนพากันแยกย้าย
ผู้ป่วยลำดับที่ 50 เริ่มแสดงอาการในวันที่ 8 เมษายน และได้ไป Admit เพื่อตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลมิตรภาพ ในวันที่ 10 เมษายน ผลตรวจออกมาในวันเดียวกันว่าติดโควิด-19 เมื่อสอบสวนโรคพบผู้มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดอีก 10 คน
การที่ผู้ป่วยเป็นเจ้าของร้านเกมและอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ มีเด็กและเยาวชนจำนวนมากไปใช้บริการ ได้สร้างความวิตกกังวลอย่างกว้างขวางต่อหลายภาคส่วนในนครหลวงเวียงจันทน์ เพราะกลัวว่าอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของผู้ป่วยจะเป็นจุดแพร่เชื้อ ถึงขั้นที่รองเจ้าครองนครหลวงเวียงจันทน์ ต้องทำหนังสือไปยังสำนักงานนายกรัฐมนตรีลาว ขอล็อกดาวน์นครหลวงเวียงจันทน์ระหว่างวันที่ 13-30 เมษายน แต่สำนักนายกรัฐมนตรีลาวไม่อนุมัติ เพราะเชื่อว่าสามารถรับมือได้ ตามข่าวที่ได้เคยเสนอไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม กรณีของผู้ป่วยลำดับที่ 50 กระตุ้นให้ทางการลาวต้องเพิ่มความเข้มงวด ตรวจตราตลอดแนวลำน้ำโขง เพื่อป้องกันมิให้ทั้งคนลาวและคนไทยลักลอบเดินทางข้ามประเทศ แต่ก็ยังมีเล็ดลอดไปได้หลายจุด
หลังผลตรวจยืนยันว่าผู้ป่วยลำดับที่ 59 ติดเชื้อโควิด-19 หลายหน่วยงานในหลายพื้นที่ของลาวต่างประกาศมาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้นมาอีก เช่น
- ห้ามเดินเรือทุกชนิดในแม่น้ำโขง ตั้งแต่นครหลวงเวียงจันทน์ แขวงบ่อลิคำไซ แขวงคำม่วน แขวงสะหวันนะเขต ลงไปถึงแขวงจำปาสัก และประกาศลงโทษอย่างรุนแรงและเด็ดขาดต่อผู้ที่ฝ่าฝืน
- ล็อกดาวน์บ้านนาแก เมืองวิละบูลี แขวงสะหวันนะเขต ห้ามบุคคลเข้าออก เป็นเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน
- งดการเรียนการสอนในโรงเรียนทุกแห่งทั่วนครไกสอน พมวิหาน แขวงสะหวันนะเขต เป็นเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน
- งดกิจกรรมทางศาสนาทุกประเภทในวัดสีเมือง และปิดประตูวัด ห้ามผู้ที่ไม่มีกิจจำเป็น เข้าออก เป็นเวลา 14 วัน นับแต่วันที่ 20 เมษายน
- คณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว สั่งงดการเรียนการสอน ให้นักศึกษาทุกคนเรียนผ่านระบบออนไลน์
- ปิด Vientiane College งดการเรียนการสอน ห้ามบุคคลเข้าออก เป็นเวลา 14 วัน นับแต่วันที่ 20 เมษายน
- ปิดสถานบันเทิงทุกแห่งในนครหลวงเวียงจันทน์ โดยเฉพาะสถานที่ซึ่งผู้ป่วยลำดับที่ 59 และเพื่อนเคยไปเที่ยวในช่วงวันที่ 8-19 เมษายน ถูกสั่งปิดทั้งหมด และสั่งลงโทษอย่างรุนแรงต่อร้านที่ลักลอบเปิดให้บริการในช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์.