MGR Online - โควิดจากไทยลักลอบข้ามโขงเข้าลาว หนุ่มไทยเจ้าของร้านอินเทอร์เน็ตในเวียงจันทน์ ไม่ได้กลับบ้านเป็นปี เจอคนไทยที่แอบลักลอบนั่งเรือข้ามโขงไปลาว เลยชวนกันนั่งดื่มเบียร์แค่ 40 นาที อีก 5 วันต่อมา พบติดเชื้อโควิด-19
บ่ายวันนี้ (11 เม.ย.) ดร.พอนปะดิด สังไซยะลาด หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์และระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข สปป.ลาว แถลงข่าวการตรวจพบผู้ป่วยโควิด-19 ในลาวเพิ่มอีก 2 ราย เป็นผู้ป่วยลำดับที่ 50 และ 51 โดยให้จัดอยู่ในกลุ่มผู้ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศ
โดยผู้ป่วยรายที่ 51 เป็นชาวลาว เพศชาย อายุ 41 ปี เดินทางกลับมาจากประเทศมองโกเลีย ก่อนเดินทาง ผู้ป่วยได้ตรวจเชื้อรอบแรกในวันที่ 6 เมษายน ผลตรวจเป็นลบ วันรุ่งขึ้น (7 เม.ย.) จึงเดินทางโดยเครื่องบินจากมองโกเลีย แวะพักสนามบินอินชอน เกาหลีใต้ มาถึงสนามบินนานาชาติวัดไต ในวันที่ 9 เมษายน ได้รับการตรวจเชื้อก่อนเข้ากักตัว ผลตรวจออกมาในวันที่ 10 เมษายน เป็นบวก จึงได้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมิตรภาพ 150 เตียง
ที่น่าสนใจคือ ผู้ป่วยรายที่ 50 ซึ่งเป็นชายชาวไทย อายุ 41 ปีเช่นกัน เป็นนักธุรกิจ เจ้าของร้านอินเทอร์เน็ต อยู่บ้านโพนต้อง เมืองจันทะบูลี นครหลวงเวียงจันทน์ ผู้ป่วยรายนี้สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว แต่ติดอยู่ในลาวตั้งแต่โควิดเริ่มระบาดรอบแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว (2563) และไม่ได้เดินทางกลับประเทศไทยอีกเลย
มีการเปิดเผยไทม์ไลน์โดยละเอียดของผู้ป่วยรายนี้ ระบุว่า เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ได้เดินทางไปยังเมืองหาดซายฟอง และได้พบกับคนไทย 3 คน ที่ลักลอบนั่งเรือข้ามแม่น้ำโขงจากจังหวัดหนองคายมายังฝั่งลาว ที่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาว เมื่อสอบถาม ทราบว่าพักอยู่ในกรุงเทพฯ แถวถนนสุขุมวิท
เมื่อเห็นว่าเป็นคนไทย จึงได้ซื้อเบียร์มานั่งดื่มด้วยกันที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง แต่ไม่ได้เข้าไปนั่งดื่มในร้าน โดยนั่งดื่มกันประมาณ 30-40 นาที ค่อยแยกย้ายจากกัน โดยไม่ทราบว่าทั้ง 3 คนนั้นเดินทางต่อไปที่ไหน
วันที่ 6-7 เมษายน ผู้ป่วยพักอยู่ชั้น 2 ของร้านอินเทอร์เน็ต ไม่ได้ลงมาพบปะกับผู้ใด โดยในร้านมีพนักงานประมาณ 5 คน ต่อมาวันที่ 8 เมษายน เริ่มมีไข้ ปวดเมื่อยเนื้อตัว ไอและเจ็บคอ
วันที่ 9 เมษายน ได้ออกไปเยี่ยมบ้านแฟนสาว พบปะกับผู้คนประมาณ 5 คน แต่ผู้ป่วยยืนยันว่าในวันนั้นได้สวมแมสก์อยู่ตลอดเวลา
วันที่ 10 เมษายนได้มา Admit เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลมิตรภาพ 150 เตียง ผลตรวจออกมาเป็นบวก
กระทรวงสาธารณสุขลาว ได้ติดตามบุคคลที่เคยสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายนี้ จำนวน 10 คน และเก็บตัวอย่างส่งตรวจยังห้องแล็บ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผล
การพบผู้ป่วยรายที่ 50 ซึ่งเป็นคนไทย ได้สร้างความตื่นตัวแก่สังคมออนไลน์ในลาว โดยตอนเย็นวานนี้ “โทละโข่ง” เพจซึ่งได้รับความนิยมสูงสุดแห่งหนึ่งในลาว มีผู้ติดตามประมาณ 1.3 ล้านคน ได้แชร์ไทม์ไลน์ของผู้ป่วยรายนี้ พร้อมเขียนคำบรรยายว่า
“ช่วยกันภาวนาอย่าให้ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายที่ 50 ติดเชื้อ! มิเช่นนั้นอาจมีการกระจายไปเป็นวงกว้าง ขอให้ผู้ที่ใกล้ชิดและเคยพบกับผู้ป่วยรายนี้มารับการตรวจโดยด่วน”
ลาวเริ่มพบผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกเมื่อเดือนมีนาคม 2563 จนถึงเมื่อวานนี้ มีผู้ป่วยสะสมรวม 51 ราย รักษาหายแล้ว 47 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ 4 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต
ปัจจุบัน ลาวได้รับวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเป็นความช่วยเหลือจากประเทศต่างๆ แล้วทั้งสิ้น 1,235,000 โดส หรือเท่ากับ 18% ของประชากรลาวทั้งประเทศ ซึ่งมีประมาณ 7 ล้านคน โดยวัคซีนล็อตล่าสุด เป็นความช่วยเหลือจากสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ส่งมาให้ลาว 800,000 โดส เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา
ก่อนหน้าวัคซีนของจีนล็อตนี้ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม โครงการ COVAX ได้ส่งวัคซีนล็อตแรกจำนวน 132,000 โดส จากโควตาทั้งหมด 480,000 โดส ที่ลาวจะได้รับมาให้ เป็นวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าที่ COVAX ได้ว่าจ้างสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียเป็นผู้ผลิต
ปลายปี 2563 ลาวได้รับวัคซีนที่ผลิตโดย China National Pharmaceutical Group(Sinopharm) จากจีน ล็อตแรกจำนวน 2,000 โดส กระทรวงสาธารณสุขได้นำไปฉีดให้แก่อาสาสมัคร และบุคคลากรทางการแพทย์ประมาณ 200 คน ที่ต้องทำงานใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19 เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน
จากนั้น Sinopharm ได้ส่งวัคซีนให้ลาวเพิ่มอีก 300,000 โดส คณะรัฐมนตรี บุคลากรการแพทย์ และบุคคลที่มีความเสี่ยงของลาวได้รับการฉีดเข็มแรกเมื่อวันที่ 27 มกราคม
วันที่ 21 มกราคม วลาดิเมียร์ กาลินิน เอกอัครราชทูตรัสเซีย ประจำลาว เป็นตัวแทนนำวัคซีน Sputnik V ซึ่งผลิตโดยสถาบันวิจัย Gamaleya กรุงมอสโก จำนวน 1,000 โดส มามอบแก่กระทรวงสาธารณสุข ตามแผนการรัสเซียตั้งใจมอบวัคซีน Sputnik V จำนวน 2 ล้านโดสแก่ลาว คิดเป็นสัดส่วน 25% ของประชากร.