รอยเตอร์ - การค้าระหว่างประเทศของพม่ามีมูลค่าลดลงเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 และ ‘การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง’ หนังสือพิมพ์ของรัฐรายงาน โดยไม่ได้กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ.
หนังสือพิมพ์โกลบอล นิว ไลท์ ออฟ เมียนมาร์ รายงานว่า ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. ถึงวันที่ 2 เม.ย. มูลค่าการค้าระหว่างประเทศลดลงเหลือ 15,780 ล้านดอลลาร์ จาก 20,360 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
“การลดลงของการส่งออกและนำเข้าเป็นผลจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ทั้งการค้าทางทะเลและการค้าชายแดนมีมูลค่าลดลงท่ามกลางผลกระทบของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง” หนังสือพิมพ์ที่ถูกมองว่าเป็นกระบอกเสียงให้กองทัพมายาวนาน ระบุ
กองทัพโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งนำโดยอองซานซูจี เมื่อ 2 เดือนครึ่งที่ผ่านมา หลังคณะกรรมการการเลือกตั้งปฏิเสธข้อร้องเรียนของกองทัพว่ามีการโกงในการเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ย. ที่พรรคของซูจีกวาดชัยชนะ
การกลับมาของการปกครองของทหารส่งผลให้เกิดการชุมนุมประท้วงและการหยุดงานที่กระทบเศรษฐกิจของประเทศ ประชาชนมากกว่า 700 คน ถูกสังหารในความพยายามของกองกำลังความมั่นคงที่จะปราบปรามการชุมนุมประท้วง
หนังสือพิมพ์รายงานอ้างข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ว่า การส่งออกในช่วงเดือน ต.ค.-เม.ย. อยู่ที่ 7,800 ล้านดอลลาร์ ลดลงกว่า 1,700 ล้านดอลลาร์จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้ามีมูลค่าอยู่ที่ 7,900 ล้านดอลลาร์ ลดลง 2,850 ล้านดอลลาร์
สินค้าที่พม่าส่งออกส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์จากป่า และสินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูป ขณะที่สินค้านำเข้าหลักของประเทศคือสินค้าทุน วัตถุดิบอุตสาหกรรม และสินค้าอุปโภคบริโภค
รัฐบาลกำลังพยายามที่จะลดการขาดดุลการค้าด้วยการคัดกรองการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยและกระตุ้นการส่งออก หนังสือพิมพ์ระบุ
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติกลางระบุว่า พม่าขาดดุลการค้าอยู่ที่ 1,300 ล้านดอลลาร์ในช่วงปีงบประมาณ 2562-2563 โดยทางการตั้งเป้าหมายการส่งออกที่ 16,000 ล้านดอลลาร์ และนำเข้า 18,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วงปี 2563-2564.
