รอยเตอร์ - หน่วยงานด้านอาหารของสหประชาชาติระบุว่า ราคาอาหารและน้ำมันเชื้อเพลิงในพม่าเพิ่มสูง นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่เสี่ยงทำลายความสามารถของครอบครัวที่ยากจนในการเลี้ยงดูตัวเอง
พม่าตกอยู่ในสถานการณ์ความไม่สงบนับตั้งแต่ทหารขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและควบคุมตัวอองซานซูจี ผู้นำพลเรือน ขณะที่การชุมนุมประท้วงและการรณรงค์อารยะขัดขืนผละงานประท้วงส่งผลให้เศรษฐกิจส่วนต่างๆ ของประเทศเป็นอัมพาต
โครงการอาหารโลก (WFP) ระบุว่า ราคาอาหารกำลังเพิ่มสูงขึ้น เช่น น้ำมันปาล์มสูงขึ้น 20% ในบางพื้นที่รอบนครย่างกุ้งตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ. ขณะที่ราคาข้าวขยับเพิ่มขึ้น 4% ในพื้นที่ย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ ตั้งแต่สิ้นเดือน ก.พ.
ในบางพื้นที่ของรัฐกะฉิ่น ทางภาคเหนือ ราคาข้าวเพิ่มสูงขึ้นถึง 35% ในขณะที่ราคาน้ำมันปรุงอาหารและถั่วในบางพื้นที่ของรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของประเทศ ปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น 15% ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. ทำให้เกิดความกังวลว่าราคาอาหารจะปรับเพิ่มขึ้นอีก
“ราคาอาหารและน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้นเหล่านี้ เป็นผลจากภาคธนาคารที่ใกล้อัมพาต การชะลอตัวของการส่งเงิน และข้อจำกัดเกี่ยวกับความพร้อมของเงินสด” โครงการอาหารโลกระบุ
สตีเฟน แอนเดอร์สัน ผู้อำนวยการโครงการอาหารโลกประจำพม่า กล่าวว่า เป็นสัญญาณที่น่าหนักใจ หากแนวโน้มราคายังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้ จะส่งผลต่อความสามารถของกลุ่มคนที่เปราะบางและยากจนที่สุดในการจัดเตรียมอาหารให้เพียงพอสำหรับครอบครัว
โฆษกรัฐบาลทหารไม่ได้ตอบรับโทรศัพท์ของรอยเตอร์ที่ติดต่อเพื่อขอความเห็น
ทั้งนี้ โครงการอาหารโลกกำลังให้ความช่วยเหลือผู้คนในพม่ามากกว่า 360,000 คน ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้พลัดถิ่นจากความขัดแย้งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา.