ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เป็นเรื่องน่าแปลกใจทุกยุค ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นรัฐบาล หรือมีรัฐมนตรีที่คุมกระทรวงพาณิชย์ ราคาปาล์มจะต้องแพงแบบลักลั่น สวนทางธรรมชาติ
ล่าสุด เด็กสร้างไทย ยี่ห้อ“เจ๊หน่อย”คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ออกมาจับพิรุธว่าอาจมีกระบวนสวาปาม "สวาปาล์ม"กันอีกแล้ว หลังพบว่าขณะนี้ปาล์มทะลายปัจจุบันราคาเหลือเพียง 5 บาท/กิโลกรัม และมีแนวโน้มตกลงเรื่อยๆ ทั้งที่สต๊อกมีเพียง 1.4 แสนตัน
แต่น้ำมันปาล์มขวด กลับราคาสูงถึง50-55 บาท และมีสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ
ซึ่งน่าจะมีขบวนการกดราคาอยู่เบื้องหลัง
วังวน กดราคารับซื้อปาล์มจากเกษตรกรกลับมาแล้ว และมีแนวโน้มจะทำให้ปาล์มราคาตกไปเหลือแค่ 2-3 บาทต่อกิโลกรัม ในช่วงเดือนเมษายน–พฤษภาคมนี้ เป็นที่มาที่ชาวบ้านสงสัยว่า เหตุใดน้ำมันปาล์มบรรจุขวด ที่มีการควบคุมราคาจึงขาดตลาด แต่น้ำมันปาล์มบรรจุปี๊บ ที่แพงกว่าถึงร้อยละ 50 กลับหาซื้อได้ทั่วไป
กลไกตลาดแปลกๆ งานนี้กลุ่มสร้างไทย ตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีผู้มีอำนาจได้เข้ามาควบคุมราคาน้ำมันปาล์มแบบตบตาผู้บริโภค เพราะควบคุมน้ำมันปาล์มแบบบรรจุขวดเพียงอย่างเดียว เปิดช่องให้พวกพ้องโดยไม่ควบคุมราคาน้ำมันปาล์มบรรจุปี๊บ
ขณะที่ผู้ค้ารายใหญ่ก็กักตุนในปริมาณมาก กดราคารับซื้อปาล์มจากเกษตรกรในราคาถูก และนำมาสกัดเป็นน้ำมันปาล์มเก็บไว้ในคลัง ก่อนบรรจุลงขวดเพียงเล็กน้อย และควบคุมราคา
ในขณะเดียวกัน ก็เปิดโอกาสให้สามารถบรรจุน้ำมันปาล์มลงปี๊บได้ในปริมาณมาก เพื่อเป็นช่องทางโก่งราคา หรือขูดรีดชาวบ้าน โกยเงินเข้ากระเป๋าเป็นกอบเป็นกำ โดยไม่มีหน่วยงานใดของรัฐสามารถเอาผิดได้
งานนี้พรรคประชาธิปัตย์โดนล็อกเป้าว่า เป็นผู้ทำให้กลไกตลาดผิดเพี้ยนอีกรอบ เพราะย้อนกลับไปสมัยก่อนก็เคยเกิดเรื่องราวพิกลพิการแบบนี้มาแล้ว
อย่างเมื่อครั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เคยเผชิญปัญหาราคาปาล์มหฤโหดมาแล้ว แม้ยุคนนั้นพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ได้คุมกระทรวงพาณิชย์ แต่เป็น “เจ๊วา”พรทิวา นาคาศัย จากพรรคภูมิใจไทย อดีตภรรยา“เสี่ยแฮงค์”อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็น รมว.พาณิชย์
ในขณะนั้นประเทศไทยเผชิญปัญหาการขาดแคลนน้ำมันปาล์ม และราคาน้ำมันปาล์มแพงหูฉี่นานหลายเดือน จนชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า เพราะน้ำมันปาล์มถือเป็นวัตถุดิบพื้นฐานในการประกอบอาหารหลายชนิด การที่องค์ประกอบมีราคาแพงจึงส่งผลต่อราคาอาหารให้แพงตามไปด้วย
ตอนนั้น คนยังไม่รู้ความจริง จิกด่า “เจ๊วา”กันทั่วบ้านทั่วเมืองว่า ไร้ความสามารถ ทำงานไม่เป็น ปล่อยให้ราคาน้ำมันปาล์มแพง หนักถึงขั้นว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นกันทีเดียว ก่อนจะมีการขุดความจริงกันขึ้นมาว่า มันมีกระบวนการสร้างสถานการณ์เพื่อบิดเบือนราคาและกลไกตลาด
เรียกว่าบิดกันครบวงจร เริ่มตั้งแต่กิจการสวนปาล์ม โรงหีบปาล์ม โรงกลั่นน้ำมันปาล์ม เรื่อยไปจนถึงขบวนการขนน้ำมันปาล์มเถื่อนในภาคใต้
กระบวนการบิดเบือนกลไกตลาดในขณะนั้น เล่นกันง่ายๆ แบบเนียนๆ คือเริ่มจากการปล่อยให้สต๊อกปาล์มน้ำมันลดต่ำลงกว่าปกติมากเกินไป มีการสั่งนำเข้าที่ล่าช้า เพื่อให้ราคามันสูงอยู่อย่างนั้น จงใจให้พวกนายทุนได้ฟันกำไร เอาเปรียบประชาชน รีดเลือดกับปู และปล่อยให้มีการกักตุนสินค้าในกลุ่มผู้ประกอบการ
พรรคเพื่อไทยขณะนั้นชี้เป้าอักษรย่อออกมาว่า “อ.พ.ส.”ที่เป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่น้ำมันปาล์ม คนเลยเริ่มหันไปเพ่งเล็งที่ “ส.”สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่แม้จะเป็นรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ไม่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ แต่มีตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายน้ำมันปาล์มแห่งชาติ ที่สามารถอนุมัตินำเข้าปาล์มได้
“สุเทพ”โดนกระซวกจากพรรคเพื่อไทยหนักมาก ว่า อาจเกี่ยวข้องกับการทุจริตเชิงนโยบาย อันเป็นต้นตอทำให้ราคาน้ำมันปาล์มแพง
ขณะที่พื้นที่ภาคใต้เอง รับรู้กันดีว่าเป็นฐานเสียงหลักของพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นแหล่งปลูกปาล์มน้ำมันแหล่งใหญ่ที่สุดของประเทศ ที่สำคัญพบว่า มีกลุ่มทุนที่ทำธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันปาล์มรายใหญ่ มีความเชื่อมโยงกับ ส.ส. และผู้มีอำนาจในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เพียบเลย
คนเลยมองว่า ไอ้โม่งน่าจะอยู่ที่พรรคสีฟ้า
มารอบนี้วงจรแปลกๆ อีก พรรคประชาธิปัตย์จึงตกเป็นเป้าอีกครั้ง เพราะเรื่องปาล์มมันไปโยนบาปใครไม่ได้ เพราะกระทรวงพาณิชย์ ถูกดูแลโดยพรรคประชาธิปัตย์ มี “อู๊ดด้า”จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ รับผิดชอบโดยตรง แล้วไหนจะมี “เสี่ยต่อ”เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค เป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์อีก
แล้วเปิดประวัติเรื่องราคาปาล์ม เจอแต่เรื่องไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับเรื่องน้ำมันปาล์มทั้งนั้น มันจึงโทษไม่ได้ที่ใครจะตั้งสมมติฐานแบบนั้น แล้วเรื่องบิดเบือนกลไกตลาด หรือกักตุน คนในพรรคประชาธิปัตย์เองก็มีเรื่องอื้อฉาวอยู่บ่อยๆ
อย่างเมื่อตอนโควิด-19 ระบาดรอบแรก หน้ากากอนามัยขาดแคลนอย่างหนัก กระทั่งมีการสาวไปสาวมา พาดพิงไปถึงคนใกล้ตัวหัวหน้าพรรคว่าเป็นหนึ่งในขบวนการ ก่อนที่จะมีการปฏิเสธในภายหลังว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
เรียกว่ามีประวัติไม่ดีเรื่องอะไรแบบนี้อยู่แล้ว
มางวดนี้ ไม่รู้ว่า “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะเห็นอะไรแปลกๆ แบบนี้หรือไม่ หรือว่าเห็น แต่ยุ่มย่ามไม่ได้ เพราะเกรงใจพรรคร่วมรัฐบาลจึงไม่อยากที่จะไปแตะต้อง
หากเป็นอย่างนั้นก็ ถือว่าเป็นโชคไม่ดีคนไทย พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลทีไร หรือคุมกระทรวงที่เกี่ยวข้องทีไร ชาวบ้านต้องซื้อปาล์มราคาแพงทุกที