MGR Online - โฆษก KIA ระบุชัด เหตุโจมตีค่ายทหารพม่าเพื่อตอบโต้ที่ตำรวจยิงชาวคะฉิ่นเสียชีวิต 2 คน ขณะประท้วงในเมืองมิตจีนาเมื่อวันจันทร์ ชี้ต้องการเตือนไม่ให้กองทัพทำร้ายประชาชน พร้อมส่งกำลังใจให้เคลื่อนไหวต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย ส่วนผลประชุม 10 กองติดอาวุธมีมติร่วมเคลื่อนไหวกับ CRPH
พ.อ.หน่อบู โฆษกกองทัพกองทัพคะฉิ่นอิสระ (KIA) เปิดเผยเหตุผลที่ KIA บุกโจมตีค่ายทหารพม่า ที่บ้านแซซิน ทางตะวันตกของอำเภอผากั้น จังหวัดโมญิน ซึ่งเป็นเขตรอยต่อระหว่างรัฐคะฉิ่นกับภาคสะกาย จนเสียหาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เมื่อเช้ามืดวันที่ 11 มีนาคมว่า เพื่อเป็นการตอบโต้ที่ตำรวจพม่ายิงชาวคะฉิ่นเสียชีวิต 2 ราย ขณะร่วมประท้วงต่อต้านการรัฐประหารอย่างสงบในเมืองมิตจีนา เมื่อวันที่ 8 มีนาคม
โดยทหารหน่วยที่เข้าโจมตีครั้งนี้มาจากกองพันที่ 26 สังกัดกองพล 9 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐคะฉิ่น ส่วนค่ายทหารที่ถูกโจมตีเป็นของกองพันที่ 119 สังกัดกองพลทหารราบที่ 33 ซึ่งเป็นหน่วยที่ร่วมส่งกำลังส่วนหนึ่งไปช่วยตำรวจพม่าจัดการกับผู้ประท้วงในเมืองมัณฑะเลย์
การประท้วงต่อต้านรัฐประหารที่มิตจีนา เมืองหลวงของรัฐคะฉิ่นเมื่อวันจันทร์ที่ 8 มีนาคม มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 3 คน ภาพที่ถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโลกจากการประท้วงในวันนั้น เป็นภาพของแม่ชีแอน โรส นู ตอง กำลังคุกเข่าเรียกร้องให้ตำรวจพม่าอย่าทำร้ายเด็กๆ โดยมีตำรวจ 2 นาย คุกเข่า ยกมือไหว้ พูดคุยอยู่กับแม่ชี
สำนักข่าว Kachin News Group ระบุว่า คลิปวิดีโอซึ่งถูกเผยแพร่ออกมาภายหลัง เห็นได้ว่าขณะที่แม่ชีกำลังเจรจากับตำรวจ 2 นายอยู่นั้น ตำรวจที่อยู่ด้านหลัง กำลังยิงปืนใส่ผู้ประท้วง
พ.อ.หน่อบู บอกว่า KIA ต้องการเตือนกองทัพพม่าว่าอย่าใช้ความรุนแรงหรือทำร้ายผู้ประท้วง และต้องการส่งกำลังใจให้ผู้ประท้วงเคลื่อนไหวต่อไปจนบรรลุเป้าหมาย โดยไม่ต้องเกรงกลัวทหาร
การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นในเวลาตี 3 เสียงปืนสงบลงประมาณตี 5 มีรายงานต่อมาว่า ในช่วงเช้าของวันที่ 11 มีนาคม กองทัพพม่าได้ส่งเครื่องบินขับไล่ยิงจรวดใส่ฐานที่มั่นของกองพันที่ 26 จำนวนหลายครั้ง มีเสียงปืนดังต่อเนื่องจนกระทั่งถึงตอนบ่าย
เมื่อวานนี้ (12 มี.ค.) เวลาประมาณ 06.00 น. กองทัพพม่าได้ใช้อาวุธหนักยิงปูพรมถล่มพื้นที่เคลื่อนไหวของทหาร KIA กองพลที่ 9 ในเขตอำเภอผากั้น แต่กระสุนปืนใหญ่จำนวนหลายนัดได้ไปตกในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนเส้นทางระหว่างเมืองโมกองกับเมืองคาไม บนภูเขานามไฮ มีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 4 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กถึง 3 คน อายุ 6 ขวบ 12 ขวบ และ 14 ขวบ ส่วนอีกคนเป็นเด็กสาวอายุ 22 ปี
เมื่อวานนี้ (12 มี.ค.) คณะทำงานกระบวนการสันติภาพ (PPST) ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ 10 กลุ่มที่ได้เซ็นสัญญาหยุดยิงทั่วประเทศ (NCA) กับรัฐบาลพม่าไปแล้ว ได้จัดการประชุมผ่านระบบออนไลน์เป็นวันที่ 2 เพื่อพิจารณาท่าทีซึ่งจะมีต่อสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในพม่า
ภาพที่เผยแพร่ผ่านเพจ NCA-S EAO เห็นผู้ร่วมประชุมเมื่อวานนี้มีอย่างน้อย 60 คน อย่างไรก็ตาม จนถึงกลางดึก PPST ยังไม่มีแถลงการณ์ใดๆ ออกมา มีเพียงการเผยแพร่คำกล่าวปิดประชุมของ พล.อ.เจ้ายอดศึก ประธานสภาเพื่อการกอบกู้รัฐชาน (RCSS/SSA) ในฐานะรักษาการประธาน PPST
ในคำกล่าวของเจ้ายอดศึก มีเนื้อหาโดยสรุปว่า PPST ได้มาประชุมกันเพื่อร่วมหารือถึงสถานการณ์การเมืองที่กำลังประสบกับความยากลำบากอยู่ในขณะนี้ รวมถึงหาหนทางหยุดยั้งการใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่เคลื่อนไหวตามแนวทางอารยะขัดขืน (CDM) และการจับกุมประชาชนเหล่านั้นโดยไร้กฎหมาย
ใน NCA ที่สมาชิกของ PPST ทุกกลุ่มได้เซ็นกับรัฐบาล ไม่ได้มีการบรรจุเงื่อนไขที่เกี่ยวกับการรัฐประหารเอาไว้ ดังนั้น เพื่อให้การปกครองโดยระบอบเผด็จการสิ้นสุดโดยเร็ว PPST จะร่วมเคลื่อนไหวตามแนวทางของคณะกรรมาธิการตัวแทนรัฐสภาพม่า (CRPH) ซึ่งเป็นองค์กรของสมาชิกพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ในฐานะตัวแทนรัฐบาลและรัฐสภาพม่า ที่จะติดต่อสัมพันธ์กับประชาคมโลก แทนที่สภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) ที่ถูกแต่งตั้งขึ้นโดยคณะรัฐประหาร
นอกจากนี้ PPST พร้อมจะเจรจากับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมสร้างการปกครองในรูปแบบสหพันธรัฐขึ้นในพม่า ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ทุกกลุ่ม
ตั้งแต่เกิดการรัฐประหารขึ้นในพม่า PPST ได้มีการประชุมกันไปครั้งเดียว ระหว่างวันที่ 19-20 กุมภาพันธ์ หลังการประชุมคราวนั้น PPST ได้ออกแถลงการณ์ออกมา 5 ข้อ ได้แก่
1.PPST สนับสนุนความเคลื่อนไหวของประชาชนที่ได้ออกมาประท้วงอย่างสันติในการต่อต้านระบอบเผด็จการ และการเข้ามายึดอำนาจของกองทัพพม่า โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวตามแนวทางอารยะขัดขืน
2.เรียกร้องให้กองทัพพม่าต้องปล่อยตัวผู้นำและผู้ประท้วงทุกคนที่ถูกจับกุมไปตั้งแต่เริ่มเข้ามายึดอำนาจโดยทันที อย่างไม่มีเงื่อนไข
3.ขอประณามการใช้ความรุนแรงในทุกวิถีทาง เพื่อจัดการกับผู้ที่ชุมนุมต่อต้านอย่างสันติ
4.PPST จะยุติการเจรจาทางการเมืองกับตัวแทนกองทัพพม่าไปก่อน
5.PPST จะให้ความร่วมมือกับทุกประเทศ องค์กรระหว่างประเทศ เพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบเผด็จการทหาร และหนทางแก้ไขสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ.
