MGR Online - รถไฟลาว-จีน ฉลองความสำเร็จ แม้โควิด-19 ระบาดแต่ยังสามารถวางรางรถไฟจากเวียงจันทน์ถึงหลวงพระบาง ยาว 240 กิโลเมตร เสร็จได้ในเวลา 9 เดือน
วานนี้ (29 ธ.ค.) ที่นครหลวงพระบางได้มีพิธีเฉลิมฉลองความสำเร็จของการวางรางรถไฟจากนครหลวงเวียงจันทน์มาถึงหลวงพระบาง ที่บริษัทวิศวกรรมทางรถไฟหมายเลข 2 จากสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นผู้รับผิดชอบ โดยเริ่มต้นวางรางตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคมเป็นต้นมา
รางรถไฟจากเวียงจันทน์-หลวงพระบาง ยาว 240 กิโลเมตร คิดเป็นสัดส่วน 57% ของความยาวเส้นทางทั้งหมด 422.4 กิโลเมตร บริษัทวิศวกรรมทางรถไฟหมายเลข 2 สามารถวางรางได้เสร็จภายในเวลา 9 เดือน ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ศักยภาพการวางรางเฉลี่ยวันละ 1.5 กิโลเมตร
หลี จี้กง กงสุลใหญ่ สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำนครหลวงพระบาง ได้กล่าวแสดงความยินดีต่อความสำเร็จในครั้งนี้ พร้อมยืนยันว่าทางรถไฟลาว-จีนจะสร้างเสร็จทันตามกำหนดเวลาที่จะเปิดให้บริการได้ในวันชาติลาวครบรอบ 46 ปี ในวันที่ 2 ธันวาคม 2564
โครงการรถไฟลาว-จีน มีจุดเริ่มต้นจากนครหลวงเวียงจันทน์ ปลายทางที่ชายแดนลาว-จีน เมืองบ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทา เป็นรถไฟรางเดี่ยวขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ขนาดรางกว้าง 1.435 เมตร โดยขบวนรถไฟขนส่งสินค้ากำหนดความเร็วไว้ที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนรถไฟขนส่งผู้โดยสารกำหนดความเร็ว 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ระบบได้ออกแบบเผื่อไว้สำหรับการเดินทางในพื้นราบ ตั้งแต่วังเวียงถึงเวียงจันทน์ ให้สามารถวิ่งได้ถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เนื่องจากพื้นที่ทางภาคเหนือของลาวเป็นเทือกเขาสูง ทำให้ 41% ของทางรถไฟต้องถูกสร้างเป็นทางยกระดับ คิดเป็นระยะทางรวม 175 กิโลเมตร มีการสร้างสะพานข้ามหุบเหว 154 แห่ง ระยะทางรวม 67.15 กิโลเมตร หรือ 16% ของทางรถไฟทั้งหมด มีการเจาะอุโมงค์ 75 แห่ง ระยะทางรวมมากกว่า 190 กิโลเมตร หรือ 45% มีอุโมงค์ที่ยาวเกิน 7 กิโลเมตร 7 แห่ง อุโมงค์ที่ยาวที่สุด ยาวถึง 9.5 กิโลเมตร
ทางรถไฟสายนี้จะใช้พื้นที่รวมทั้งสิ้น 3,058 เฮกตาร์ (19,112.5 ไร่) มีสถานีตลอดเส้นทาง 31 แห่ง เป็นสถานีหลัก 5 แห่ง พื้นที่ริมข้างทางรถไฟด้านละ 50 เมตรจะถูกล้อมรั้วไว้เพื่อความปลอดภัย
มูลค่าการลงทุนในโครงการนี้สูงถึง 6,800 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 238,000 ล้านบาท 60% ของเงินลงทุนเป็นเงินกู้ที่รัฐบาลจีนให้รัฐบาลลาวกู้ภายใต้เงื่อนไขผ่อนปรน ที่เหลืออีก 40% เป็นเงินลงทุนจากบริษัทร่วมทุนทางรถไฟลาวจีน ที่มีฝ่ายจีนถือหุ้น 70% และรัฐบาลลาว 30%.
(ภาพประกอบจากสำนักข่าวสารประเทศลาว และ China Radio)