MGR Online - นายกรัฐมนตรีทองลุน สีสุลิด ของลาว เตือนประชาชนให้ตั้งการ์ดแน่น หลังโควิด-19 กลับมาระบาดอีกครั้งในประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกัน พร้อมทบทวนอาจออกมาตรการป้องกันเพิ่มเติม
เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ลาวพัฒนา รายงานเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (22 ธ.ค.) ว่า นายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เตือนประชาชนลาวทุกคนให้มีสติ เพิ่มความระมัดระวัง และให้ความร่วมมือกับรัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกัน ควบคุม และแก้ไขการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้รอบใหม่ในลาว
ในการแถลงข่าว นายกรัฐมนตรีทองลุน บอกว่า ขณะนี้ โควิด-19 กำลังเป็นภัยที่คุกคามต่อทั่วโลก รวมถึงลาว และมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นโดยที่ยังไม่มีสิ่งใดมาสกัดกั้นไว้ได้ คาดว่ายอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 80 ล้านคน และจำนวนผู้เสียชีวิตก็อาจเพิ่มถึง 2 ล้านคน ในอีก 2-3 วันข้างหน้า
ที่อันตรายยิ่งกว่านั้น นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้พบว่า ขณะนี้เชื้อโรคได้มีการกลายพันธุ์ที่ร้ายแรง ซับซ้อน และสามารถแพร่ออกไปได้เร็วยิ่งกว่าเก่า และการที่ผู้ติดเชื้อหลายคนไม่แสดงอาการ ทำให้การควบคุมและป้องกันทำได้ยากขึ้น
นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว บอกว่า ขณะนี้การระบาดของโควิด-19 ได้เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับลาวแล้ว จึงเรียกร้องให้คนลาวต้องตั้งสติ ระมัดระวังตัว และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการระบาดให้เข้มงวดกว่าเดิม เพื่อรับมือกับภัยนี้อย่างจริงจัง มิเช่นนั้น ภัยจากโควิด-19 อาจกลับเข้ามาในลาวรอบใหม่และจะร้ายแรงกว่าเก่า สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศและประชาชน
นายกรัฐมนตรีทองลุน ได้เรียกร้องให้คณะเฉพาะกิจป้องกัน ควบคุม และแก้ไขการระบาดของโควิด-19 ให้ใช้เวลาค้นคว้า วิจัย ประเมินสถานการณ์ของโรคนี้ที่กำลังเกิดขึ้นในทั่วโลก ในอาเซียน และในประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับลาว อย่างละเอียดถี่ถ้วน และลึกซึ้ง
พร้อมกับให้ทบทวนคำสั่งนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ 06/นย. ลงวันที่ 29 มีนาคม 2563 เรื่องมาตรการป้องกัน ควบคุม และแก้ไขการระบาดของโควิด-19 ว่าจะต้องมีมาตรการใดเพิ่มเติมออกมาอีกหรือไม่ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ใหม่
โดยมาตรการที่ยังต้องปฏิบัติต่อเนื่องนับจากนี้ คือ การไม่อนุญาตให้ผู้ที่มาจากประเทศที่เกิดการระบาดของโควิด-19 เดินทางเข้าไปในลาว ปิดด่านประเพณี ด่านท้องถิ่น ระงับเที่ยวบินเช่าเหมาลำที่จะมาจากต่างประเทศ นอกจากมีเหตุผลจำเป็นจริงๆ ต้องได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานที่รับผิดชอบเสียก่อน ให้สร้างสถานกักตัวผู้ที่เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น และให้มีมาตรฐานสูงกว่าของเก่า รวมถึงเตรียมอุปกรณ์ ยา ให้พร้อมสำหรับการรักษา และมีการประเมินสถานการณ์ล่วงหน้า เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน
ดร.สีสะหวาด สุดทานีละไซ รองอธิบดีกรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะตัวแทนคณะเฉพาะกิจป้องกัน ควบคุม และแก้ไขการระบาดของโควิด-19 ได้กล่าวในการแถลงข่าวประจำวันเมื่อวานนี้ว่า คณะเฉพาะกิจฯ ยังคงดำเนินตามมาตรการอย่างเข้มงวดต่อผู้ที่เดินทางเข้ามาในลาวผ่านด่านชายแดนต่างๆ โดยหากเป็นแรงงานลาวที่ต้องการกลับบ้าน ทุกคนต้องถูกกักตัวไว้เพื่อรอดูอาการ 14 วัน และเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อไปตรวจหาเชื้อโควิด-19
เมื่อวานนี้ มีผู้เดินทางเข้าไปในลาวรวม 1,781 คน โดยเดินทางจากด่านชายแดนลาว-เวียดนาม มากที่สุด 797 คน เป็นคนขับรถบรรทุกสินค้าทั้งหมด รองลงมาเป็นด่านชายแดนลาว-ไทย 739 คน เป็นคนขับรถบรรทุกสินค้า 688 คน ที่เหลือ 51 คน เป็นแรงงานลาวที่ต้องการเดินทางกลับบ้าน อันดับ 3 ด่านชายแดนลาว-จีน 48 คน เป็นคนขับรถบรรทุกสินค้าทั้งหมด
กระทรวงสาธารณสุขได้เก็บตัวอย่างเพื่อนำไปตรวจหาเชื้อ จากบุคคลรวม 559 คน ผลตรวจออกมาเป็นลบทั้งหมด
กระทรวงสาธารณสุขลาว ได้ออกประกาศฉบับที่ 3439/สท. ระบุว่า นับตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคมเป็นต้นไป บุคคลที่เดินทางเข้า-ออก ลาวผ่านทางด่านสากลและด่านท้องถิ่นที่ได้รับอนุญาต นักการทูตต่างประเทศ พนักงานองค์กรระหว่างประเทศ นักธุรกิจ นักท่องเที่ยว บุคคลทั่วไป ทั้งที่เป็นคนลาวและชาวต่างชาติ หากต้องถูกตรวจหาเชื้อโควิด-19 ต้องเสียค่าตรวจคนละ 1,200,000 กีบ หรือประมาณ 3,650 บาท ต่อครั้ง ส่วนผู้ที่ต้องเดินทางเข้า-ออกผ่านด่านสากลและด่านท้องถิ่นที่ได้รับอนุญาต ด้วยเหตุผลฉุกเฉินทางการแพทย์ คนเจ็บ นักศึกษา พนักงานของรัฐ เฉพาะคนลาว ต้องเสียค่าตรวจคนละ 50,000 กีบ หรือประมาณ 150 บาท
ส่วนนักวิเคราะห์ที่ทำงานติดตามเชื้อโควิด-19 แขกสำคัญของรัฐบาล แรงงานที่ไปทำงานในต่างประเทศ นักบวชชาวลาว ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าตรวจ
ส่วนค่ารักษาพยาบาล ค่าห้องพัก ค่าตรวจในห้องปฏิบัติการอื่นๆ ให้เสียตามความเป็นจริง ในอัตราที่โรงพยาบาลกำหนด
นับแต่โควิด-19 เริ่มระบาดเมื่อเดือนมีนาคม ในลาวพบผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 41 คน รักษาหายแล้ว 37 คน ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลมิตรภาพ 150 เตียง นครหลวงเวียงจันทน์อีก 4 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต.
