รอยเตอร์/เอเอฟพี - พระอาชิน วิระธู พระสงฆ์ชาตินิยมสุดโต่งชาวพม่า ได้เข้ามอบตัวต่อตำรวจในนครย่างกุ้งวันนี้ (2) หลังหลบหนีการจับกุมในข้อหาปลุกระดมมวลชนมานานกว่า 1 ปี ความเคลื่อนไหวที่นักวิเคราะห์อธิบายว่า เป็นความพยายามที่จะสร้างอิทธิพลต่อการเลือกตั้ง
ภายใต้หน้ากากอนามัยและเฟซชิลด์ พระวิระธูได้กล่าวกับผู้สนับสนุนที่สมาคมพระสงฆ์ในเมืองก่อนเดินทางไปยังสถานีตำรวจในเขตดากอง ตามการเปิดเผยของพยานของรอยเตอร์
“อาตมาจะไปกราบนมัสการพระอาวุโส และจากนั้นจะไปกับตำรวจ ไปทุกที่ที่พวกเขาจะพาไป” พระวิระธู กล่าวกับผู้สนับสนุน โดยกล่าวหาว่า ท่านถูกรัฐบาลและพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) กลั่นแกล้ง
“รัฐบาลบังคับให้อาตมาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้” พระวิระธู กล่าว และเรียกร้องให้ประชาชนชาวพม่าขับพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยที่ชั่วร้ายพ้นไปจากอำนาจ
พระวิระธูเป็นที่รู้จักจากการใช้ถ้อยคำต่อต้านชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุมชนโรฮิงญา พระรูปนี้ยังวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลพลเรือนของนางอองซานซูจี และให้การสนับสนุนกองทัพ
ศาลแขวงในย่างกุ้งออกหมายจับพระวิระธูมาตั้งแต่เดือน พ.ค.2562 การยอมจำนนของพระวิระธูต่อเจ้าหน้าที่ เกิดขึ้นก่อนที่ประเทศจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 พ.ย. ที่จะเป็นการตัดสินรัฐบาลชุดต่อไป
พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ที่ก้าวเข้าสู่อำนาจจากชัยชนะในการเลือกตั้งปี 2558 อย่างถล่มทลาย ถูกคาดหมายอย่างกว้างขวางว่าจะยังรักษาอำนาจเอาไว้ได้ และนางอองซานซูจี จะยังคงเป็นผู้นำประเทศต่อไป
ริชาร์ด ฮอร์ซีย์ส นักวิจัยจาก International Crisis Group ในย่างกุ้ง ระบุว่า การปรากฏตัวของพระวิระธู 6 วันก่อนการเลือกตั้งไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
“ด้วยการยึดพื้นที่ข่าวก่อนการเลือกตั้ง เขาหวังที่จะสร้างภาพให้รัฐบาลเป็นศัตรูของชาวพุทธชาตินิยม” ฮอร์ซีย์ส กล่าว
พระวิระธู กล่าววันนี้ (2) ว่า รัฐบาลไม่เคารพ ‘บุตรของพระพุทธองค์’ ด้วยการฟ้องดำเนินคดีกับตน และได้เรียกร้องให้ประชาชนและพระสงฆ์ทำหน้าที่ของตนเองในการเลือกตั้งครั้งนี้
“การปรากฏตัวและมอบตัวของพระวิระธูไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองก่อนการเลือกตั้ง ท่านเพียงต้องการที่จะจบคดีและเคลียร์ข้อกล่าวหาของท่านก่อนเปลี่ยนแปลงรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง 2563” ผู้สนับสนุนพระวิระธู กล่าว
พระวิระธู เป็นพระสงฆ์ที่มีแนวคิดชาตินิยมที่โดดเด่นที่สุด และมีน้ำหนักทางการเมืองมากขึ้นนับตั้งแต่ประเทศเปลี่ยนแปลงจากการปกครองของทหารในปี 2554
พระรูปนี้มักพุ่งเป้าโจมตีชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมโรฮิงญา ที่มากกว่า 730,000 คน หลบหนีการปราบปรามของทหารในรัฐยะไข่ในปี 2560 ที่ผู้ไต่สวนสหประชาชาติกล่าวว่าเป็นการปราบปรามที่มีเจตนาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
พระวิระธู จะเผชิญกับโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี หากพบว่ามีความผิดในข้อหาพยายามนำความเกลียดชัง การดูถูก หรือปลุกปั่นให้เกิดไม่พอใจต่อรัฐบาล.