MGR ออนไลน์ - สหรัฐฯ และเวียดนาม ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจที่มีวัตถุประสงค์ที่จะเสริมขีดความสามารถในการบังคับใช้กฎหมายและการจัดการการประมงของเวียดนาม รวมทั้งต่อต้านการคุกคามอย่างผิดกฎหมายต่อชาวประมงเวียดนามในทะเล
บันทึกความเข้าใจดังกล่าวลงนามโดยเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำเวียดนาม และอธิบดีกรมประมงเวียดนาม
“สหรัฐฯ มีประสบการณ์มากมายในการจัดการการประมงและการบังคับใช้กฎระเบียบ ซึ่งเรายินดีอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันให้แก่เวียดนาม และเราเฝ้ารอที่จะได้ทำงานร่วมกันกับเวียดนามเพื่อเสริมความยั่งยืนของการประมงและสนับสนุนชาวประมงของเวียดนามต่อต้านการข่มขู่คุกคามผิดกฎหมาย” นายเดเนียล เจ คริเทนบริงค์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าวในพิธีลงนามที่กรุงฮานอย
บันทึกความเข้าใจจะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเวียดนาม สหรัฐฯ และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อรับประกันการใช้ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน และต่อสู้กับการประมงผิดกฎหมาย สถานทูตสหรัฐฯ ระบุ
ความช่วยเหลือทางเทคนิคจากสหรัฐฯ จะเพิ่มขีดความสามารถของกรมประมง และกรมเฝ้าระวังทรัพยากรประมง ที่เป็นหน่วยงานของกระทรวงเกษตร ผ่านการแบ่งปันข้อมูล การปฏิบัติ และการดำเนินการโครงการต่างๆ และโครงการทางเทคนิคที่เกี่ยวข้อง
สหรัฐฯ ยังวางแผนที่จะส่งมอบสถานที่ฝึกอบรมบนเกาะฝูก๊วกให้แก่กรมเฝ้าระวังทรัพยากรประมงในปีหน้า เพื่อยกระดับขีดความสามารถด้านทรัพยากรมนุษย์ของหน่วยงาน และหน่วยบังคับใช้กฎหมายกับการประมงในจังหวัดชายฝั่ง
บันทึกความเข้าใจฉบับนี้เกิดขึ้น 1 สัปดาห์ หลังสหรัฐฯ ออกถ้อยแถลงยืนยันจุดยืนในการสนับสนุนชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งเวียดนามต่อข้อพิพาททางทะเลกับจีน
“ปักกิ่งใช้การข่มขู่คุกคามบ่อนทำลายสิทธิอธิปไตยของประเทศชายฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในทะเลจีนใต้ ขัดขวางพวกเขาจากทรัพยากรนอกชายฝั่ง ยืนยันการครอบครองเพียงฝ่ายเดียว และแทนที่กฎหมายระหว่างประเทศด้วยการใช้อำนาจเพื่อทำให้เกิดความชอบธรรม” ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ สหรัฐฯ ระบุ
ถ้อยแถลงของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ปฏิเสธการอ้างสิทธิของจีนเหนือน่านน้ำส่วนใหญ่ของทะเลจีนใต้ ที่เวียดนามเรียกว่าทะเลตะวันออก รวมทั้งน่านน้ำรอบสันดอนแวนการ์ด (Vanguard Bank) เกาะปะการังลูโคเนีย (Luconia Shoals) นอกชายฝั่งมาเลเซีย น่านน้ำในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของบรูไน และน่านน้ำใกล้หมู่เกาะนาตูนา (Natuna Besar) ของอินโดนีเซีย.
