เอเอฟพี/รอยเตอร์ - กระทรวงการต่างประเทศจีน เรียกเอกอัครราชทูตสหรัฐฯเข้าพบเมื่อวันพุธ (15 ก.ค.) เพื่อประท้วงการที่วอชิงตันออกมาตรการแซงก์ชั่นลงโทษการออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติมาบังคับใช้ในฮ่องกง พร้อมยืนยันว่า จะตอบโต้แก้เผ็ด ขณะที่สำนักงานตัวแทนของปักกิ่งในเขตบริหารพิเศษของจีนแห่งนี้ บอกว่า สิ่งที่วอชิงตันทำนี้คือแบบฉบับของการใช้หลักเหตุผลแบบแก๊งอันธพาล และพฤติการณ์ข่มเหงรังแกคนอื่น
ตามคำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศจีน เจิ้ง เจ๋อกวง (Zheng Zeguang) รองรัฐมนตรีต่างประเทศแดนมังกร ได้ประท้วงและเตือนเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เทอร์รี แบรนสตัด ที่ถูกเรียกตัวเข้าพบไม่กี่ชั่วโมงภายหลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารซึ่งยกเลิกการปฏิบัติของสหรัฐฯที่ให้สิทธิพิเศษทางการค้าแก่ฮ่องกง คำสั่งนี้ยังให้อำนาจแก่ตัวทรัมป์ในการสั่งลงโทษและในการจำกัดการออกวีซ่าแก่พวกเจ้าหน้าที่จีนและธนาคาร ตลอดจนสถาบันทางการเงินทั้งหลาย ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงในฮ่องกง
“นี่คือการเข้าแทรกแซงก้าวก่ายในกิจการภายในของจีนอย่างเลวร้าย และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศตลอดจนขนบธรรมเนียมพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง” คำแถลงของกระทรวงกล่าวต่อ
“เพื่อเป็นการปกป้องผลประโยชน์อันชอบธรรมทั้งหลายของตน จีนจะดำเนินการตอบโต้ที่จำเป็นต่อการกระทำอย่างผิดพลาดเช่นนี้ของสหรัฐฯ โดยรวมถึงการแซงก์ชั่นเล่นงานหน่วยงานของสหรัฐฯและบุคลากรของสหรัฐฯ” คำแถลงบอก
เจิ้งยังบอกแบรนสตัดด้วยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สหรัฐฯยังได้ “กระทำการอย่างเลวร้าย” ในเรื่องเกี่ยวกับภูมิภาคอื่นๆ ของจีน ทั้งซินเจียง ทิเบต และทะเลจีนใต้ “ซึ่งเป็นการเปิดโปงมากยิ่งขึ้นให้เห็นถึงธรรมชาติแห่งการวางตัวเป็นเจ้าใหญ่นายโตของสหรัฐฯ”
“เกี่ยวกับเรื่องนี้ จีนได้ดำเนินการและจะยังดำเนินการต่อไปอีก ในการใช้มาตรการตอบโต้ต่างๆ มาปกป้องผลประโยชน์แกนกลางของตนอย่างเด็ดเดี่ยว ผมต้องการบอกให้สหรัฐฯทราบว่า การข่มเหงรังแกและความอยุติธรรมใดๆ ที่สหรัฐฯใช้มาเล่นงานจีน จะถูกตอบโต้เอาคืนอย่างเด็ดเดี่ยว” คำแถลงอ้างคำพูดของรองรัฐมนตรีต่างประเทศจีน
ในวันเดียวกัน สำนักงานติดต่อประสานงานของรัฐบาลส่วนกลางของจีนประจำฮ่องกง ก็ออกคำแถลงระบุว่า ความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯในการยกเลิกการปฏิบัติอย่างเป็นพิเศษต่อฮ่องกงนั้น มีแต่สร้างความเสียหายให้แก่ผลประโยชน์ต่างๆ ของสหรัฐฯ ขณะที่แทบไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อฮ่องกง
“การที่สหรัฐฯเข้ามาก้าวก่ายอย่างไม่มีเหตุผลอีกทั้งข่มขู่คุกคามอย่างไม่มีความละอายใจเช่นนี้ เป็นแบบฉบับของการใช้หลักเหตุผลแบบแก๊งอันธพาลและพฤติการณ์ข่มเหงรังแกคนอื่น” สำนักงานติดต่อประสานงานของปักกิ่งบอก
“ไม่มีพลังภายนอกใดๆ สามารถสกัดกั้นความเด็ดเดี่ยวและความมั่นใจของจีนในการธำรงรักษาอธิปไตยและความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองและเสถียรภาพในระยะยาวของฮ่องกง”
ทางด้านรัฐบาลฮ่องกงก็แถลงในวันพุธว่า จะสนับสนุนการปฏิบัติการใดๆ ก็ตามที ที่ปักกิ่งเลือกมาใช้เล่นงานตอบโต้สหรัฐฯ
“มันเข้าทำนองมือถือสากปากถือศีล สำหรับการที่สหรัฐฯประกาศใช้มาตรการต่างๆ มาเล่นงานจีน ด้วยการประดิษฐ์สร้างประเด็นปัญหาต่างๆ (ในฮ่องกง) ขึ้นมา โดยหยิบยกข้ออ้างเรื่องสิทธิมนุษยชน, ประชาธิปไตย และการปกครองตนเอง ที่ออกมาจากข้อพิจารณาทางการเมืองของตนเอง” รัฐบาลฮ่องกงระบุในคำแถลง
ในอีกด้านหนึ่ง โฆษกของสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวในวันพุธ (15) ว่า ทรัมป์ไม่ได้ยกเลิกความคิดที่จะดำเนินการแซงก์ชั่นพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน เพื่อเป็นการลงโทษจีนสำหรับการปฏิบัติต่อฮ่องกง
ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวรายหนึ่ง ซึ่งเป็นบุคคลที่คุ้นเคยกับเรื่องนี้ดี เปิดเผยว่า ในบรรดารายชื่อเจ้าหน้าที่จีนและฮ่องกง ซึ่งพวกเหยี่ยวจีนบางคนในทำเนียบขาวกำลังผลักดันให้สหรัฐฯแซงก์ชั่นคว่ำบาตร คนหนึ่งคือ แคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ซึ่งหนุนหลังปักกิ่งในการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงในเขตบริหารพิเศษของจีนแห่งนี้
