เอพี - โฆษกพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) เผยว่า นางอองซานซูจี ผู้นำพม่า จะเป็นหนึ่งในผู้สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปเดือน พ.ย.นี้
ซอ มี้น โฆษกพรรค NLD ประกาศความเคลื่อนไหวดังกล่าวหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งซูจี และประธานาธิบดีวิน มี้น จะร่วมลงชิงชัยในการเลือกตั้งวันที่ 8 พ.ย.นี้ โดยซูจีจะให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนของเธอในวันพฤหัสฯ
ซูจีถูกห้ามดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศตามมาตราในรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลทหารชุดก่อนหน้าเป็นผู้ร่างขึ้น และพรรค NLD ได้แก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการตั้งตำแหน่งที่ปรึกษาแห่งรัฐขึ้นมาเพื่อให้อำนาจในการบริหารแก่ซูจี และซูจียังนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอีกตำแหน่งด้วย
ซูจีนำพรรคของเธอคว้าชัยอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2558 ชัยชนะที่ยุติการปกครองของรัฐบาลทหารที่ยาวนานมากกว่า 5 ทศวรรษ และเป็นจุดสูงสุดของการเคลื่อนไหวทางประชาธิปไตยที่ไม่ใช้ความรุนแรงกว่า 25 ปี ของซูจี
อย่างไรก็ตาม ความล้มเหลวขณะอยู่ในอำนาจของซูจีที่จะยุติการกระทำทารุณของทหารต่อชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮิงญาในรัฐยะไข่ ก่อให้เกิดเสียงตำหนิวิจารณ์จากผู้ที่เคยชื่นชมยกย่องเธอทั่วโลก ชาวโรฮิงญากว่า 740,000 คน อพยพหลบหนีออกจากยะไข่ไปบังกลาเทศ และศาลโลกในเนเธอร์แลนด์ยังรับไต่สวนคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ยื่นฟ้องร้องพม่า
แต่อย่างไรก็ตาม ซูจียังคงเป็นนักการเมืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของประเทศในตอนนี้
อิทธิพลที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องของทหารภายใต้รัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่จำกัดความสามารถของรัฐบาลซูจีที่จะออกกฎหมายเพื่อปฏิรูปครั้งใหญ่ โดยรัฐธรรมนูญสงวนที่นั่ง 1 ใน 4 ของที่นั่งทั้งหมดในสภาให้แก่กองทัพ ทั้งสภาผู้แทนราษฎรและสภาชนชาติ และยังให้สิทธิในการยับยั้งการเปลี่ยนแปลงแก้ไขมาตราสำคัญในรัฐธรรมนูญ
เมื่อต้นเดือน คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งสหภาพ (UEC) ได้ประกาศให้วันที่ 8 พ.ย. เป็นวันเลือกตั้งสภาแห่งชาติ สภาภูมิภาค และสภารัฐ
พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่พรรคของซูจีรวบรวมเพื่อร่วมสู้ศึกเลือกตั้งในปี 2558 ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปในการเลือกตั้งครั้งนี้
จากความล้มเหลวของรัฐบาลที่จะบรรลุแผนที่จะให้ชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์มีอิสระในการปกครองอย่างที่พวกเขาแสวงหามายาวนาน เป็นสิ่งที่ทำให้สองฝ่ายแยกตัวกันทางการเมือง ดูเหมือนชนกลุ่มน้อยพยายามที่จะผลักดันพรรคการเมืองของตัวเองมากกว่าที่จะเป็นพันธมิตรกับพรรคของซูจี
คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศว่า ประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งครั้งนี้มีจำนวนมากกว่า 37 ล้านคน และมีพรรคการเมืองร่วมลงชิงชัยทั้งหมด 97 พรรค โดยจำนวนที่นั่งจากทุกสภาที่เปิดเลือกตั้งรวมทั้งสิ้น 1,171 ที่นั่ง.