เอเอฟพี - เด็กนักเรียนราว 20 คน ได้รับบาดเจ็บวานนี้ (13) หลังกระสุนปืนครกยิงโดนโรงเรียนประถมศึกษาในรัฐยะไข่ พื้นที่ที่ทหารยังคงต่อสู้กับกลุ่มกบฏกองทัพอาระกัน (AA)
การโจมตีเกิดขึ้นในเมืองบุติด่อง หนึ่งในหลายพื้นที่ที่ยังคงมีเหตุสู้รบและยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้
พลเรือนจำนวนมากถูกฆ่าตาย ได้รับบาดเจ็บอีกหลายร้อย และต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นอีกนับแสน ตั้งแต่เดือน ม.ค.2562 ที่ทั้งสองฝ่ายทวีความรุนแรงในการสู้รบโดยกองทัพอาระกันอ้างว่า ฝ่ายตนกำลังต่อสู้เพื่อสิทธิในการปกครองตนเองให้แก่ชาวพุทธชาติพันธุ์ยะไข่
ธา เอ หม่อง คุณครูจากหมู่บ้านคามะเว กล่าวกับเอเอฟพีทางโทรศัพท์ถึงสถานการณ์ที่โรงเรียนของเขาถูกโจมตีในเช้าวันพฤหัสฯ และทำให้เด็กนักเรียนได้รับบาดเจ็บ 21 คน
“มีเด็กหญิงบาดเจ็บสาหัส 1 คน ที่เหลือส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บที่แขนขา” ธา เอ หม่อง กล่าว
คุณครูยังเผยว่า เด็กที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดเป็นชาวพม่าชาติพันธุ์คามี ชนกลุ่มน้อยชาวพุทธในรัฐยะไข่ และการสู้รบเกิดขึ้นห่างจากหมู่บ้านไปราว 3 กิโลเมตร
“เราคิดว่ากระสุนคงมาไม่ถึงโรงเรียน” คุณครู กล่าว
หัวหน้าเขตเมืองหม่องดอยืนยันเหตุการณ์ แต่ให้ตัวเลขจำนวนเด็กที่ได้รับบาดเจ็บที่ 19 คน
“ไม่มีเหตุผลที่จะเชื่อว่าปืนครกนั้นยิงโดยทหาร” พ.อ.วิน ซอ อู โฆษกกองบัญชาการทหารภาคตะวันตก กล่าวและว่า บางครั้งกองทัพสูญเสียอาวุธและกระสุนให้แก่ฝ่ายกบฏ
“กองทัพอาระกันยิงใส่หมู่บ้านด้วยลูกกระสุนของเรา ซึ่งทำให้เข้าใจผิดว่าทหารเป็นผู้รับผิดชอบ” พ.อ.วิน ซอ อู กล่าว
กองทัพอาระกันดำเนินการโจมตีเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นหลากหลายรูปแบบ ทั้งการลักพาตัว วางระเบิด และบุกโจมตี ขณะที่กองทัพได้ตอบโต้กลับอย่างหนักและระดมกำลังทหารหลายพันนายลงพื้นที่
เมืองบุติด่องเป็นหนึ่งใน 9 เมืองที่ถูกตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต มาตรการของรัฐบาลที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนตำหนิว่าส่งผลกระทบต่อพลเรือนในพื้นที่ขัดแย้ง ทั้งยังขัดขวางปฏิบัติการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ และการทำงานของผู้ตรวจสอบด้านสิทธิมนุษชน
พื้นที่ตอนเหนือของรัฐยะไข่เป็นพื้นที่เดียวกันกับที่เกิดเหตุการณ์ชาวโรฮิงญากว่า 740,000 คน อพยพไปบังกลาเทศเพื่อหลบหนีปฏิบัติการปราบปรามของทหารในปี 2560.