MGR ออนไลน์ -- หลายคนอาจลืมไปแล้วว่า โลกเราเกือบจะมีรถถังทันสมัยเทคโนโลยีสูงอีกรุ่นหนึ่ง เป็นรถถังยุคที่ 4 คันแรกของค่ายโซเวียต/รัสเซีย มีชื่่อว่า T-95 ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่าอาจจะเป็นตัวใหม่ที่พัฒนาต่อยอดจาก T-90 ไม่ต่างกับ T-90 เองที่พัฒนาบนแพล็ตฟอร์ม T-72 กลายเป็นรถถังยุคที่ 3++ ที่ทรงพลัง และ ได้เห็นออกงานอย่างจริงจังเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ในสงครามซีเรีย จนเป็นที่ประทับใจเหล่าฮาร์ดคอร์อาวุธเพื่อการศึกกันถ้วนหน้า
แต่แล้ว 20-30 ปีมานี้ ก็ยังไม่มีเคยได้เห็นตัวจริงเสียงจริง แม้กระทั่งภาพจากตัวเป็นๆของ T-95 ต้นแบบเลย -- แม้แต่ภาพที่วาดออกจากคอมพิวเตอร์ที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้ ก็ดูผิดเพี้ยนไปหมด -- จนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันมานี้
ภาพของ ‘Objekt 195’ ที่ถูกเก็บเป็นความลับมานาน ถูกเปิดเผยเป็นครั้งแรกโดย อเล็กซี โคลโปตอฟ (Alexey Khlopotov) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ชาวรัสเซีย ที่รู้จักกันดีทั่ววงการ เจ้าตัวบอกว่าเป็นภาพ "ดีคลาสสิฟายด์" (Declassified) คือ ถูกถอดออกจากแฟ้มลับ หรือ ทางการถอดออกให้พ้นสภาพการเป็นความลับแล้วนั่นเอง
T-95 "แบล๊คอีเกิ้ล" (Black Eagle) ตัวเป็นๆ ก็จึงตกเป็นข่าวในเว็บไซต์อาวุธยุทโธปกรณ์ป้องกันประเทศ รวมทั้งในฟอรั่มต่างๆ ทั่วโลก ตลอด 3-4 วันที่ผ่านมา
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ก็เป็นเรื่องที่ขยับเข้ามาใกล้ตัวในทันที เนื่องจากมีพี่ๆน้องๆของ Objek 195 อยู่ในย่านนี้หลายประเทศรวมทั้ง เวียดนามที่สั่งซื้อ T-90S จากรัสเซียล็อตใหญ่รวดเดียว 64 คันเมื่อเดือน ก.ค.ปีที่แล้ว รอส่งมอบล็อตแรกตามกำหนดภายในสิ้นปีนี้
"อินทรีดำ" กำลังจะเป็น "ไอ้ปืนโต" คันแรกของโลก ติดตั้งปืนใหญ่ 152 มม. ซึ่งก็คือปืนใหญ่ในชั้นปลายสุดในโครงการ T-14 "อามาตา" (Armata) ขณะนี้ พร้อมติดตั้งปืนใหญ่ 30 มม.อีก 1 กระบอกเป็นอาวุธรอง -- แต่ 8 ปีที่แล้วรัสเซียได้เปลี่ยนใจ ประกาศเลิกล้มโครงการลับๆล่อๆนี้ เพื่อเปิดทางสว่างๆให้แก่โครงการ T-14 นั่นเอง -- เป็นการลดความซ้ำซ้อนกับเงินงบประมาณอย่างมหาศาล
.
.
ก่อนหน้านี้เคยเชื่อกันว่า อาร์มาตาเป็นรถถังคันแรกที่ออกแบบใหม่หมดจด หลังยุคสหภาพโซเวียต แต่ภาพที่เพิ่งได้เห็นกันนี้ ได้เปิดเผยรูปโฉมใหม่ให้เห็นว่า Objeckt 195 ไม่ใช่ทายาท T-90 แม้จะมีส่วนละม้ายคล้ายกันบ้างในท่อนล่าง แต่ข้างบนใหม่หมดจด -- ป้อมปืนแคบกว่าและ ตั้งสูงกว่า T-72, T-90 -- มีแพล็ตฟอร์ม "เอ็กซ์ตรีมโลว์ไร้ส์" (Extreme Low-rise) หรือ "หมอบต่ำสุดๆ" อย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนเพื่อชดเชยข้างบนที่มีระบบอาวุธกับระบบป้องกันต่างๆ โผล่สูงขึ้นไป กับความยาวของ ป.152 มม.นั่นเอง
แต่แพล็ตฟอร์มของอินทรีดำดีไซน์เมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว โดย Ural Design Bureau of Transport Engineering หรือ "อูราลวากอนซาวอด" ตั้งใจจะเสนอให้กองทัพบรรจุเข้าใช้แทน T-72 กับ T-80 -- เพราะฉะนั้นในแง่ความโฉบเฉี่ยวทันสมัย จะไม่สามารถเทียบกันได้ กับแพล็ตฟอร์มอาร์มาตาที่ออกแบบเมื่อสัก 10 ปีมานี้
ก่อนหน้านี้โลกภายนอกแทบจะไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับ T-95 ทราบจากเจ้าหน้าที่สหภาพโซเวียตเมื่อปี 2531 แต่เพียงว่า กำลังมีการวิจัยและทดลองรถถังใหม่รุ่นหนึ่ง และ เรื่องนี้ได้เงียบไปตลอด 3 ปีต่อมา จนกระทั่งอาณาจักรใหญ่ค่ายคอมมิวนิสต์ล่มสลายไป -- กว่าชื่อ Objeckt 195 จะโผล่ออกมาเป็นให้ได้ยินครั้งแรก ก็จนกระทั่งต่อมาในปี 2538
"T-95 อินทรีดำ" ก็เป็นชื่อที่สื่อมวลของรัสเซียเรียกกันเอง
.
ตามประวัติความเป็นมานั้น ในปี 2543 รัฐมนตรีกลาโหมอิกอร์ ซเรเกเยฟ (Igor Sergeyev) ในยุคโน้น เป็นผู้แพร่ข่าวเกี่ยวกับรถต้นแบบครั้งแรกด้วยตนเอง โดยอ้างว่าได้เชิญบุคคลสำคัญจำนวนหนึ่งเข้าชม แต่เรื่องนี้ไม่เคยมีรายงานยืนยันผ่านสื่อต่างๆ และ ไม่เคยมีภาพใดๆ แพร่งพรายออกมาเลย
ต่อมาในปี 2551 กระทรวงกลาโหมก็ประกาศว่า กองทัพจะเริ่มได้รับมอบ "รถถังรุ่นใหม่ที่เหนือกว่า T-90" หลังจากปี 2553 --อูราลวากอนซาวอด ประกาศในช่วงเดียวกัน จะทดลองรถต้นแบบ "อ๊อพเจ็คท์ 195" คันที่สอง นั่นคือมีการสร้างต้นแบบรถถังรุ่นใหม่ออกมาเพียง 2 คัน เท่านั้น
รายละเอียดที่เปิดเผยออกมากระท่อนกระแท่นในช่วงโน้นก็คือ T-95 เป็นคันแรกที่แบ่ง "ห้อง" ภายในออกเป็นสัดส่วน ผู้บังคับกับพลประจำรถอีก 2 คนอยู่ส่วนหน้า กลางลำเป็น "คลังแสง" เป็นระบบอาวุธกับกระสุนปืนใหญ่ รวมทั้งกระสุนสำหรับปืนใหญ่ 30 มม. กับปืนกลเล็กติดแชสซีอีกกระบอก วางเครื่องยนต์ไว้ส่วนท้าย -- ดีไซน์นี้ทำให้พลรถถังมีความอยู่รอดสูงขึ้น ในกรณีที่เกิดการระเบิดจากภายในรถ
ต้องยอมรับกันว่าดีไซน์ของ T-95 นับว่าก้าวหน้าที่สุดในยุคสมัย แม้แต่ T-90A ที่รัสเซียส่งเข้าร่วมประกวดราคา ในการจัดหารถถังหลักของกองทัพบกไทยไม่กี่ปีมานี้ ก็ยังไม่มีการแยกห้องข้างใน กลายเป็นเหตุผลหนึ่งทำให้ฝ่ายไทยต้องเลือก T-84 "โอปล็อต-M" จากยูเครนอย่างไม่ลังเล
.
ปืนใหญ่ 152 ม.ลำกล้องเกลี้ยงนั้นไม่ธรรมดา เมื่อเทียบกับปืน 125 มม.ของ T-72, T-90 รวมทั้งโอปล็อต-M ของไทย -- มันก็คือ การนำเอาปืนใหญ่อัตตาจร 152 มม.บนยานยนต์ล้อยาง 6x6 ของกองทัพ ไปติดตั้งบนแชสซีตีนตะขาบแคบๆสั้นๆเตี้ยๆ -- แรงดันของมันมหาศาลแค่ไหน ดูได้จากแรงสะท้อนกลับของปืนใหญ่สนาม เพราะฉะนั้นแชสซี T-95 จะต้องมีเทคโนโลยีสุดยอดรองรับ ซึ่งทำให้วงการยอมรับว่า รัสเซียก้าวไกลแบบล้ำหน้าโลกตะวันตกไปหลายช่วงตัวทีเดียว
อินทรีดำจำกัดน้ำหนักฟูลโหลดเอาไว้เพียง 55 ตัน เพื่อให้เครื่องยนต์ดีเซล กับม้า 1,650 ตัว ทะยานไปข้างหน้าได้ด้วยความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะปฏิบัติการไกลสุด 500 กม. ต่อการเติมเชื้อเพลิง 1 ครั้ง
แต่แล้ว "อ๊อพเจ็คท์ 195" ได้ปิดลงอย่างเป็นทางการในเดือน พ.ค.2553 -- และ จากที่เคยประกาศว่า จะไม่มีการพัฒนา T-90 กับ T-72 อีก รวมทั้งไม่มีการฟื้น T-80 กลับมาใช้งาน จนกว่าจะถึงปี 2025 (2568) -- ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป วันนี้รัสเซียเข็น T-90 ใหม่ๆ ออกมาหลายเวอร์ชั่น มี T-72B ออกมาถึง 3 เวอร์ชั่น มี T-80 รุ่นปรับปรุงใหม่ออกโชว์งานสวนสนามด้วย
ปรากฏการณ์ทั้งหลายทั้งปวงนี้ ทำให้นักวิเคราะห์มองว่ารัสเซียพัฒนารถถังยุคที่ 3 ต่อมา ก็เพื่อรอ T-14 ในขณะเดียวกันก็เป็นการเตรียมรถถัง 3++ บนแชสซีเก่า-แพล็ตฟอร์ม T-72 ที่ใช้มาตั้งแต่ยุคโซเวียต -- ให้พร้อมสำหรับส่งออกนั่นเอง
.
.
การก่อเกิดของ T-14 "รถถังสะท้านโลก" ซึ่งแม้ว่าจนทุกวันนี้่จะยังไม่ได้บรรจุเข้ากองทัพเลยสักคันก็ตาม แต่ก็ทำให้โลกตะวันตกเคลื่อนไหวยกระดับรถถังหลักของตัวเองอย่างคึกคัก -- แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทั้งหมดไม่ได้เกิดจาก T-14 เพียงอย่างเดียว หากยังเป็นผลโดยตรงจาก "ศึกเปิดหูเปิดตา" ของ T-90 ในซีเรียด้วย
การออกศึกปราบกลุ่มก่อการร้ายไอซิสของ T-95M ช่วง 2-3 ปีมานี้ ส่งผลโดยตรงให้สหรัฐต้องรีบหาทางอัปเกรด M1/A2 "เอบรามส์" (Abrams) ไปอีกขั้น กองทัพบกกำลัง เร่งติดระบบป้องกันตัวเองอัตโนมัติ หรือ APS (Automatic Protection System) ให้เอบรามส์นับหมื่นคันอย่างเร่งด่วน โดยพึ่งพาเทคโนโลยีของอิสราเอลเป็นด่านแรก
ทุกฝ่ายกำลังรอชม M1A3 (หรือจะชื่ออะไรก็ตาม) ในโครงการของสหรัฐ ว่าจะออกมาแนวไหน ติดเขี้ยวเล็บเลิศหรูอะไรบ้าง แต่ที่แน่ๆคือ แต่นี้ไปรถถังยุคที่ 4 ทุกคัน จะต้องติดตั้งระบบ APS เพราะ T-90 ของรัสเซียบอกให้รู้ว่า รถถังของโลกตะวันตก ไม่อาจพึ่งพาเกราะเหล็กหนาๆ กับ "เกราะระเบิด" ERA ที่คอยแต่รับการเจาะของหัวรบชนิดต่างๆ ได้ต่อไป -- การป้องกันตนเองก่อนหัวรบของอีกฝ่ายจะเข้าถึงตัวนั้นทำได้
เลโอพาร์ด 2 A7 (Leopard 2 "เล็พเพิร์ด") ของเยอรมนีเอง ก็กำลังเปลี่ยนไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งการทดลองติดตั้ง ป.130 มม. เช่นเดียวกันกับแชลเลนเจอร์ (Challenger) ของอังกฤษ และ เลอแคลร์ (Le Clerc) ฝรั่งเศส -- ถึงจุดนี้ทุกฝ่ายต้องยอมรับกันโดยปริบายว่า หากไม่นับรวมรัสเซียแล้ว เทคโนโลยี APS ของอิสราเอลเองล้่ำหน้าโลกตะวันตกมากมาย
คราวนี้จะหาอะไรไปสู้รบปรบมือกับปืนใหญ่ 152 มม.ของอาร์มาตา?