รอยเตอร์ - โครงการพัฒนารีสอร์ตกาสิโนขนาดใหญ่ในจังหวัดเกาะกงของกัมพูชา ดูเหมือนยังอยู่ห่างไกลจากโครงการเส้นทางสายไหมใหม่ที่จีนกำลังสร้างขึ้นเพื่อเชื่อมต่อภูมิภาคเอเชียกับยุโรป
ดาราสาครซีชอร์รีสอร์ต (Dara Sakor Seashore Resort) ห่างจากกรุงพนมเปญเมือง หลวงของกัมพูชาราว 5 ชั่วโมง เคยเป็นที่ตั้งของบริษัทจีนที่สร้างสถานที่แห่งนี้ แต่ปัจจุบัน กลับกลายเป็นอาคารโรงแรมที่เกือบว่างเปล่า บาร์ริมหาดและกาสิโนที่ยังตกแต่งไม่เสร็จเรียบร้อย ไกลออกไปจากรีสอร์ตแห่งนี้ พบฐานรากสิ่งปลูกสร้างที่เต็มไปด้วยฝุ่นในเขตการลงทุนที่วางแผนไว้ ซึ่งทอดยาวไปสู่ท่าเรือสินค้า ที่ยังสร้างไม่เสร็จและไม่ได้ใช้ประโยชน์
แม้จะเต็มไปด้วยปัญหาต่างๆ แต่รีสอร์ตและการพัฒนาพื้นที่โดยรอบกลับได้รับการยกย่องว่าเป็น แชมเปี้ยนของความริเริ่มแถบเศรษฐกิจและเส้นทาง (Belt and Road initiative) ของจีน เมื่อเส้นทางสายไหมใหม่เป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการ
แต่โครงการพัฒนาเช่น ดาราสาคร ที่การดำเนินการยังคลุมเครือไม่ชัดเจนในทางเศรษฐกิจ ดูเหมือนจะขัดกับคำมั่นของจีนว่าโครงการเส้นทางสายไหมจะเปิดกว้าง โปร่งใส และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โครงการนี้เริ่มดำเนินการในปี 2551 หลังกัมพูชาปล่อยเช่าพื้นที่กว่า 280,000 ไร่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ให้กับบริษัท Tianjin Union Development Group (UDG) ของจีน นาน 99 ปี ซึ่งเป็นเวลาหลายปีก่อนที่โครงการเส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21 เปิดตัวโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในปี 2556 และได้เสียงตอบรับในที่ประชุมสุดยอดซึ่งผู้นำจีนเป็นเจ้าภาพในกรุงปักกิ่งเมื่อปี 2560
แต่อย่างไรก็ตาม กลับมีข้อมูลเกี่ยวกับโครงการและความคืบหน้าของโครงการเพียงเล็กน้อย และยังไม่ชัดเจนว่ามีการใช้เงินไปมากเท่าใดกับโครงการนี้ และมีฝ่ายใดได้รับประโยชน์บ้าง
โครงการยังเป็นผลให้เกิดการทำลายสิ่งแวดล้อมเป็นบริเวณกว้าง พื้นที่ป่าถูกรื้อถางเพื่อเปิดทางสำหรับการก่อสร้าง ประชาชนหลายพันคนต้องพลัดถิ่น ตามการระบุของชาวบ้านและกลุ่มองค์กรนอกภาครัฐ ที่พวกเขากล่าวว่า โครงการมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
บริษัท UDG ไม่ได้ตอบสนองคำขอความเห็น เช่นเดียวกับกระทรวงสิ่งแวดล้อมกัมพูชา ที่กำกับดูแลโครงการให้กับรัฐบาล
โครงการดาราสาครดูเหมือนจะถูกรับให้เป็นหนึ่งในโครงการเส้นทางสายไหมเมื่อประมาณปี 2560 ซึ่งในเดือนพ.ค. ธนาคารพัฒนาประเทศจีน (CDB) กล่าวกับหนังสือพิมพ์พีเพิลเดลี่ว่า ธนาคารได้ออกพันธบัตร “Belt and Road” มูลค่า 100 ล้านหยวน (15 ล้านดอลลาร์) เพื่อสนับสนุนการสร้างรีสอร์ตพักผ่อนบนชายฝั่งกัมพูชาของบริษัท UDG
โครงการนี้ยังปรากฎอยู่ในหนังสือ Belt and Road 2017 ที่ตีพิมพ์โดยบริษัทในเครือของกระทรวงพาณิชย์จีน ที่เรียกโครงการนี้ว่าเป็น เขตการพัฒนาและการลงทุนกัมพูชา-จีน และอธิบายว่าเป็น “โครงการที่ใหญ่ที่สุดของการริเริ่มแถบเศรษฐกิจและเส้นทางจนถึงขณะนี้”
บรรณาธิการของหนังสือรายปีฉบับนี้ กล่าวว่า หนังสือได้รวมโครงการต่างๆ ที่ได้รับเลือกจาก “กลุ่มชั้นนำ” ที่ปักกิ่งตั้งขึ้นในปี 2558 เพื่อกำกับดูแลการดำเนินการความริเริ่มแถบเศรษฐกิจและเส้นทาง
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) ที่กำกับดูแลกลุ่มชั้นนำอีกชั้นหนึ่งนั้นระบุว่าคณะยังไม่ได้รับรองโครงการเส้นทางสายไหมใดๆ
“เราขอแนะนำให้บริษัทต่างๆ เผยแพร่ข้อมูลให้มากเท่าที่เป็นได้ก่อนที่โครงการจะเริ่มเปิดตัว และให้ข้อมูลแก่สาธารณชน” คณะกรรมการ กล่าว
ธนาคารพัฒนาแห่งชาติจีนกล่าวในอีเมลว่า ธนาคารได้สนับสนุนทุนกับโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น ถนน ระบบประปา และสถานีไฟฟ้า และยังระบุว่า สองรัฐบาลได้เห็นพ้องกันที่จะร่วมมือในโครงการดังกล่าวระหว่างการเยือนกัมพูชาของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในเดือนต.ค. 2559
แม้การท่องเที่ยวมักถูกอ้างถึงในโครงการเส้นทางสายไหม แต่ความริเริ่มแถบเศรษฐกิจและเส้นทางนั้นเกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนการพัฒนาเส้นทางการค้า
แต่อย่างไรก็ตาม โครงการที่ไม่เกี่ยวข้องต่างกำลังหวังพึ่งแบรนด์เส้นทางสายไหมเพื่อให้โครงการได้รับการอนุมัติอย่างราบรื่น และเข้าถึงทุน นักวิเคราะห์โครงการเส้นทางสายไหมและผู้บริหารอุตสาหกรรม กล่าว
โจนาธาน ฮิลแมน จากศูนย์เพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ (CSIS) ในกรุงวอชิงตัน กล่าวว่า การขาดการควบคุมคุณภาพอาจเสี่ยงต่อชื่อเสียงของจีน
“สิ่งนี้มีโอกาสที่จะบ่อนทำลายความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องของเส้นทางสายไหม และความสามารถในการบรรลุเป้าหมายที่เจ้าหน้าที่จีนมักพูดถึง” ฮิลแมน กล่าว
บริษัท UDG เป็นบริษัทในเครือของบริษัท Tianjin Wanlong Group ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จีน ตั้งขึ้นในปี 2537 วางแผนลงทุนโครงการ 3,800 ล้านดอลลาร์ ที่รวมถึงสนามบิน ตามรายงานของกระทรวงสิ่งแวดล้อมกัมพูชาในปี 2556
UDG ยังใช้ทุนอีก 45 ล้านดอลลาร์กับโครงการก่อสร้างท่าเรือ และ 76 ล้านดอลลาร์ สร้างถนนเป็นระยะทางเกือบ 110 กิโลเมตร และอีก 1.1 ล้านดอลลาร์สำหรับงานปลูกต้นไม้และการปกป้องสิ่งแวดล้อม
หนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์รายงานอ้างคำกล่าวของ UDG ที่กล่าวไว้ในปี 2557 ว่างบประมาณราว 10 ล้านดอลลาร์ ใช้สำหรับการโยกย้ายที่อยู่และค่าชดเชยสำหรับชาวบ้าน
ชาวกัมพูชากว่า 1,000 ครอบครัว คาดว่าได้รับผลกระทบจากโครงการ และ UDG ยังประสบปัญหาพิพาทที่ดินอีกหลายกรณี ตามการระบุของกลุ่มสิทธิมนุษยชนและสื่อท้องถิ่น และในเดือนมี.ค. รัฐบาลกัมพูชากล่าวว่ากระทรวงสิ่งแวดล้อมได้คืนที่ดินบางส่วนให้กับชาวบ้าน แต่ยังมีชาวบ้านอีกส่วนหนึ่งที่ยังชุมนุมประท้วงเรียกร้องการชดเชยเพิ่ม โดยระบุว่า UDG ไม่ได้ทำตามที่สัญญาไว้
ยังไม่แน่ชัดว่าจนถึงขณะนี้ บริษัท UDG ใช้ทุนไปกับโครงการนี้มากเท่าใด เนื่องจาก UDG ไม่ได้เผยแพร่รายงานทางการเงิน
ทีมข่าวของรอยเตอร์ได้เดินทางไปเยือนพื้นที่โครงการเมื่อไม่นานนี้ และเมื่อเข้าไปยังส่วนท่าเรือ ที่รายงานของบริษัทที่ปรึกษาเพื่อการพัฒนาระบุว่าจะสามารถรองรับเรือสินค้าขนาด 20,000 ตัน 4 ลำ กลับถูกเจ้าหน้าที่ทหารขวาง ส่วนมุมมองจากเรือเร็ว พบว่าส่วนต่างๆ ของท่าเรือ ที่ UDG บอกกับสื่อท้องถิ่นว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2558 นั้น ปรากฎว่ายังสร้างไม่เสร็จ
คนเรือท้องถิ่นเผยว่า ไม่เคยเห็นเรือเข้าเทียบท่าหรือคนงานในพื้นที่ก่อสร้างมานาน 3 ปี แล้ว มีบางครั้งที่ทหารอนุญาตให้ชาวบ้านเข้าไปจับปลาจากท่าเรือ
ส่วนงานก่อสร้างสนามบิน พบว่ายังมีการดำเนินงานอยู่ ซึ่งบนเว็บไซต์ UDG คาดการณ์ว่าสนามบินจะสร้างแล้วเสร็จในปี 2563 และพนักงานของ UDG ที่ดูแลการก่อสร้าง ระบุว่า บริษัทกำลังสร้างรันเวย์ยาว 3.2 กิโลเมตร ที่ใหญ่มากพอรองรับเครื่องบินแอร์บัส A380
ในบริเวณรีสอร์ต อาคารสไตล์นีโอคลาสสิคขนาดใหญ่ ที่พนักงานกล่าวว่าเป็นที่ตั้งของโรงแรมและกาสิโน ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ท่ามกลางฝุ่นคอนกรีตและกระเบื้องแตก ส่วนสระว่ายน้ำนอกอาคารก็ไม่มีน้ำ
ฝั่งตรงข้ามถนน เป็นโรงแรมขนาด 102 ห้อง และสนามกอล์ฟ 18 หลุม 2 สนาม ที่สร้างเสร็จแล้ว พนักงานกล่าวว่าโรงแรมเปิดให้บริการในปี 2558 ที่มุ่งให้เป็นที่พักสำหรับนักลงทุน
รอยเตอร์ไม่สามารถตรวจสอบรายงานการเงินของบริษัท UDG บนเว็บไซต์ของบริษัทเกี่ยวกับการลงทุนจากบริษัทจีนรายอื่นในเขตการลงทุน หรือหาหลักฐานการปรากฎตัวของพวกเขาที่นั่น
เมื่อปีก่อน บริษัท UDG กล่าวว่า บริษัทได้ลงนามข้อตกลงกับบริษัท Tai'an Jintai International Park Development & Management และบริษัท Jilin Agricultural Economic and Trade Cooperation Zone เพื่อพัฒนาเขตธุรกิจที่จะเป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การผลิตเครื่องจักร รวมทั้ง การผลิตน้ำผลไม้และมะม่วงหิมพานต์
บริษัทยังระบุว่า กิจการกลุ่มแรกจะเข้ามาที่รีสอร์ตในเดือนก.ค. 2560
บริษัท Tai'an Jintai ไม่ตอบสนองคำร้องขอความเห็น และรอยเตอร์ก็ไม่สามารถติดต่อบริษัท Jilin trade zone ได้
หนึ่งในอาคารของรีสอร์ตถูกเปลี่ยนเป็นโชว์รูมโมเดลโครงการ และตามผนังถูกตกแต่งด้วยรูปของเจ้าหน้าที่กัมพูชาที่เดินทางมาเยือน หนึ่งในนั้นยังมีนายจาง เกาลี่ อดีตรองนายกรัฐมนตรีจีน ที่เข้าร่วมพิธีส่งมอบที่ดินในปี 2551
ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกงซึ่งเป็นพื้นที่ที่โครงการตั้งอยู่ระบุว่าไม่ทราบว่าบริษัทใดบ้างที่จะลงทุนในเขต แต่ธุรกิจและการจ้างงานจะเกิดขึ้นที่นั่น เนื่องจากมีการวางแผนไว้แล้ว.