xs
xsm
sm
md
lg

ซาอุดีอาระเบียเริ่มออกใบอนุญาตขับขี่แก่ผู้หญิง หลังเป็นประเทศเดียวในโลกไม่ให้สตรีขับรถ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี - ซาอุดีอาระเบียเริ่มออกใบอนุญาตขับขี่แก่ผู้หญิงแล้วในวันจันทร์ (4 มิ.ย.) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ

“ผู้หญิงกลุ่มแรกได้รับใบอนุญาตขับขี่ซาอุดีอาระเบียของพวกเธอแล้ว” ตามรายงานของซาอุดี เพรส เอเจนซี สื่อมวลชนแห่งรัฐ “อธิบดีกรมขนส่งเริ่มแทนที่ใบอนุญาตขับขี่สากลในประเทศ ด้วยใบอนุญาตขับขี่ของซาอุดีอาระเบียเอง”

ความเคลื่อนไหวล่าสุดมีขึ้นในขณะที่ซาอุดีอาระเบีย เตรียมยกเลิกคำสั่งห้ามผู้หญิงขับขี่รถซึ่งบังคับใช้มานานหลายทศวรรษในวันที่ 24 มิถุนายน โดยก่อนหน้านี้ ซาอุดีอาระเบีย เป็นเพียงประเทศเดียวในโลกที่ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงขับขี่ยานพาหนะ

สำนักข่าวเอสพีเอระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้เริ่มรับเปลี่ยนใบขับขับขี่ระหว่างประเทศเป็นใบขับขี่ซาอุดีอาระเบียตามสถานที่ต่างๆ หลายจุดทั่วประเทศ โดยเหล่าสุภาพสตรีที่แสดงความจำนงต้องการใบอนุญาตขับขี่จำเป็นต้องผ่านการสอบภาคปฏิบัติเสียก่อน

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการปล่อยเสรีอย่างกว้างขวางที่ผลักดันโดยมกุฎราชกุมารโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน ในขณะที่พระองค์ทรงตั้งพระทัยปฏิรูปประเทศอนุรักษ์นิยมแห่งนี้ให้มีความทันสมัยในทุกๆ ด้าน หนึ่งในนั้นคือการทำลายข้อจำกัดต่างๆที่กำหนดต่อผู้หญิงซึ่งมีมาอย่างช้านาน และผสมผสานบทบาทของทั้งเพศชายและหญิงในสังคม

อย่างไรก็ตาม ความพยายามปฏิรูปได้ถูกบดบังโดสิ่งที่ถูกขนานนามว่าปฏิบัติการปราบปรามพวกนักเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ หลังมีรายงานว่าเมื่อสัปดาห์แล้ว ซาอุดีอาระเบียได้ควบคุมกลุ่มบุคคลไป 17 ราย ตามข้อกล่าวหากำลังบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ

กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆ ระบุว่า ในบรรดาผู้ถูกควบคุมตัวเหล่านั้น จำนวนมากเป็นนักรณรงค์สตรีที่เคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิในการขับขี่และยุติระบบผู้ปกครองชายในประเทศ

เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า มีอยู่ 8 คนที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว จนกว่าจะการสืบสวนจะแล้วเสร็จ ส่วนผู้ต้องสงสัยอีก 9 คน ในนั้นเป็นหญิง 4 คน ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมตัว หลังยอมรับสารภาพในข้อหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นต้องสงสัยติดต่อกับองค์กรปรปักษ์และเกณฑ์ผู้คนที่อยู่ในตำแหน่งที่อ่อนไหวภายในรัฐบาล

รายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐก่อนหน้านี้ ตราหน้าผู้ถูกควบคุมตัวบางส่วนว่าเป็นผู้ทรยศและเป็นสายลับให้แก่สถานทูตต่างๆ อย่างไรก็ตาม พวกนักเคลื่อนไหวปฏิเสธคำกล่าวหานี้ โดยชี้ว่ารายงานข่าวดังกล่าวเป็นการโฆษณาชวนเชื่อใส่ร้ายป้ายสี


กำลังโหลดความคิดเห็น