รอยเตอร์ - มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารเฟซบุ๊กระบุว่า บริษัทของเขาจะเพิ่มความพยายามในการสกัดกั้นข้อความสร้างความเกลียดชังในพม่า ขณะเผชิญต่อการตอบข้อซักถามจากรัฐสภาสหรัฐฯ เกี่ยวกับการแทรกแซงการเลือกตั้ง และถ้อยคำสร้างความเกลียดชังบนเฟซบุ๊ก
เฟซบุ๊ก ถูกกล่าวหาจากบรรดาผู้สนับสนุนเรียกร้องสิทธิมนุษยชนว่า ไม่ดำเนินการให้มากพอที่จะกำจัดถ้อยคำสร้างความเกลียดชังบนเครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์ในพม่า
“สิ่งที่เกิดขึ้นในพม่าเป็นโศกนาฏกรรมที่เลวร้าย และเราจำเป็นต้องดำเนินการให้มากยิ่งขึ้น” ซัคเคอร์เบิร์ก กล่าวระหว่างเข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการยุติธรรมและพาณิชย์ ของวุฒิสภาสหรัฐฯ เป็นเวลา 5 ชั่วโมง
ชาวมุสลิมโรฮิงญามากกว่า 650,000 คน หลบหนีจากรัฐยะไข่ของพม่า ไปยังบังกลาเทศตั้งแต่เกิดเหตุโจมตีของผู้ก่อความไม่สงบที่เป็นเหตุให้กองกำลังรักษาความมั่นดำเนินการปราบปรามอย่างรุนแรงเมื่อเดือน ส.ค.
เจ้าหน้าที่สหประชาชาติที่สืบสวนความเป็นไปได้ของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในพม่ากล่าวเมื่อเดือนก่อนว่า เฟซบุ๊กเป็นแหล่งของการโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านโรฮิงญา
มาร์ซูกิ ดารุสมาน ประธานภารกิจค้นหาข้อเท็จจริงระหว่างประเทศของสหประชาชาติว่าด้วยพม่า กล่าวในเดือน มี.ค. ว่า สื่อสังคมออนไลน์มีบทบาทสำคัญต่อระดับของความรุนแรง และความขัดแย้งภายในพม่า และสถานการณ์ในพม่ายังน่าเป็นห่วง สื่อสังคมออนไลน์คือ เฟซบุ๊ก และถ้อยคำสร้างความเกลียดชังเป็นส่วนหนึ่งในนั้น
ซัคเคอร์เบิร์ก กล่าวว่า เฟซบุ๊กกำลังจ้างผู้พูดภาษาพม่าอีกหลายสิบคนเข้าลบเนื้อหาคุกคามอันตราย
“มันเป็นเรื่องยากที่จะดำเนินการโดยไม่มีคนที่พูดภาษาท้องถิ่น เราจำเป็นต้องเพิ่มความพยายามของเราอย่างมาก” ซัคเคอร์เบิร์ก กล่าว และระบุว่า เฟซบุ๊กยังขอให้กลุ่มประชาสังคมช่วยระบุตัวผู้ที่ควรถูกสั่งห้ามการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์นี้.