รอยเตอร์ - นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนเวียดนาม และกลุ่มสื่ออิสระได้เขียนจดหมายถึงมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารเฟซบุ๊ก ตั้งคำถามว่าแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของเขานั้นช่วยปราบปรามผู้เห็นต่างในประเทศคอมมิวนิสต์หรือไม่
จดหมายที่นำออกเผยแพร่ในวันนี้ (10) โดย Viet Tan กลุ่มสิทธิมนุษยชนในสหรัฐฯ และลงนามโดยกลุ่มสิทธิมนุษยชนกลุ่มอื่นๆ อีกเกือบ 50 กลุ่ม ระบุว่า ระบบการเนื้อหาออกโดยอัตโนมัติของเฟซบุ๊กหากมีคนร้องเรียนมากพอนั้นอาจเป็นช่องทางที่ทำให้นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนและนักข่าวพลเมืองในเวียดนามไร้เสียง
แม้เวียดนามจะดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง และเปิดกว้างมากขึ้นต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม แต่พรรคคอมมิวนิสต์ที่ปกครองประเทศยังคงเซ็นเซอร์สื่ออย่างเข้มงวด และไม่อดทนยินยอมต่อการวิพากษ์วิจารณ์
เมื่อปีก่อน ทางการเวียดนามเปิดเผยว่า ได้ก่อตั้งหน่วยกองกำลังไซเบอร์ทางทหารที่มีชื่อเรียกว่า “Force 47” เพื่อตอบโต้มุมมองที่ไม่ถูกต้องบนอินเทอร์เน็ต
จดหมายเปิดผนึกถึง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เรียกกองกำลัง Force 47 ว่า เป็นพวกโทรลล์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ และกล่าวหากองกำลังไซเบอร์นี้ว่า ใช้ประโยชน์จากนโยบายชุมชนของเฟซบุ๊ก และแพร่กระจายข่าวปลอมเกี่ยวกับนักเคลื่อนไหว
รัฐบาลเวียดนาม ระบุว่า เฟซบุ๊กมุ่งมั่นที่จะทำงานกับรัฐบาลในการป้องกันไม่ให้เนื้อหาที่ละเมิดกฎหมายของประเทศปรากฏบนแพลตฟอร์มของบริษัท และจะลบบัญชีปลอม และเนื้อหาปลอมเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาล
นักเคลื่อนไหว กล่าวว่า ความถี่ในการลบบัญชี และเนื้อหาเพิ่มสูงขึ้นและเฟซบุ๊กไม่ได้ช่วยคืนบัญชีและเนื้อหาเหล่านั้น หลังจากหัวหน้าฝ่ายบริหารจัดการนโยบายระดับนานาชาติของเฟซบุ๊กพบหารือกับรัฐมนตรีกระทรวงข้อมูลข่าวสารของเวียดนาม ในปี 2560
เฟซบุ๊ก ระบุในที่ประชุมครั้งนั้นว่า เฟซบุ๊กจะตั้งช่องทางแยกต่างหากเพื่อประสานงานโดยตรงกับกระทรวงข้อมูลข่าวสารในการรายงานเนื้อหาผิดกฎหมาย
“เราชื่นชมต่อความพยายามของเฟซบุ๊กในการจัดการความวิตกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและข้อมูลที่ไม่ถูกต้องบนโลกออนไลน์ในเวียดนาม และทั่วโลก แต่ดูเหมือนว่าภายหลังข้อตกลงที่จะประสานงานกับรัฐบาลนี้ที่รู้กันว่าเพื่อใช้ปราบปรามการแสดงความเห็นบนสื่อออนไลน์ และจำคุกนักเคลื่อนไหว ปัญหาการระงับบัญชี และลบเนื้อหาเพิ่มขึ้นอย่างมาก” นักเคลื่อนไหว กล่าว
เมื่อต้นเดือน ทนายความ และนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนชาวเวียดนามถูกตัดสินจำคุก 15 ปี ในข้อหา “มุ่งเป้าที่จะโค่นล้มการบริหารงานของประชาชน” ส่วนนักเคลื่อนไหวอีก 5 คน ถูกตัดสินจำคุกนาน 7-12 ปี
คำตัดสินที่ก่อให้เกิดการตอบสนองต่างๆ จากบรรดาผู้แทนของสหรัฐฯ อังกฤษ เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และสหภาพยุโรป นอกเหนือไปจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆ แต่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม กล่าวว่า “ไม่มีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นที่ประชาชนจะถูกจับกุมตัวจากการแสดงความเห็นอย่างเสรีในเวียดนาม”
ด้านเฟซบุ๊กยังไม่ได้ตอบสนองต่อคำร้องขอความเห็นเกี่ยวกับจดหมายถึงซัคเคอร์เบิร์ก ส่วนกระทรวงการต่างประเทศของเวียดนามก็ยังไม่ได้ตอบสนองใดๆ เช่นกัน.