.
คำเตือน : ข่าวนี้นำเสนอด้วยจุดประสงค์ เพื่อความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับอาวุธปืน สำหรับการป้องกันประเทศ และ เป็นเรื่องใกล้ตัว มิได้มีจุดประสงค์สนับสนุนการแก้ปัญหา โดยใช้ความรุนแรง นอกจากนั้นยังมีวิดีโอประกอบข่าว ยังมีเนื้อหาเกี่ยวกับการยิงปืนและการใช้อาวุธปืน ที่อาจจะทำให้เกิดความขุ่นเคืองใจ หรือ ไม่สบายได้ -- โปรดอ่านและติดตามชมอย่างมีวิจารณญาณ. |
MGRออนไลน์ --- กองทัพรัสเซียจะเริ่มใช้อาวุธปืนเล็กยาวประจำกายกำลังพล รุ่นใหม่ 2 รุ่นในปลายปีนี้ โดยบริษัทคาลาชนิคอฟคอนเซิร์น (Kalashnikov Concern) เริ่มเดินสายการผลิต ทั้ง AK-12 กับ กับ AK-15 ในเดือนนี้ เพื่อส่งมอบตามกำหนด ซึ่งถือเป็นการเริ่มมาตรฐานใหม่ ไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติของกองทัพ ที่ยึดติดไรเฟิล AKM กับ AK-74 มานาน 40-60 ปี แม้ว่าหลายปีมานี้ จะมีการผลิตไรเฟิลใหม่ๆ ออกมาหลากหลายรุ่นก็ตาม
เมื่อพูดถึงการ "รีเซ็ต" มาตรฐานของรัสเซีย ก็เท่ากับพูดถึง มาตรฐานใหม่สำหรับกองทัพกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ที่ใช้ปืนของคาลาชนิคอฟ สำหรับกำลังพล รวมทั้งหลายประเทศในย่านนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ คือ กองทัพประชาชนเวียดนาม กองทัพประชาชนลาว กองทัพราชอาณาจักรกัมพูชา อีกหลายประเทศใช้ในหน่วยรบสำคัญๆ ของกองทัพ รวมทั้งอินโดนีเซีย กับมาเลเซีย และพม่าด้วย
กองทัพบกไทยเองกำลังจะเป็นสมาชิกใหม่ล่าสุด ในวงษาคณาญาติของไรเฟิลคาลาชนิคอฟ สำนักข่าวทางการรัสเซียรายงาน สัปดาห์ต้นเดือนนี้ว่า ระหว่างงานสิงคโปร์แอร์โชว์ 2018 ไทย-รัสเซียได้เซ็นสัญญาซื้อขายไรเฟิล AK ซีรีส์ 100 จำนวนมาก -- "เพียงพอสำหรับสองกองพล" ซึ่งทำให้น่าเชื่อว่า จะเป็น AK-101 ปืนเล็กยาวกึ่งอัตโนมัติฟูลไซ้ส์ สำหรับทหารราบ -- และ นี่คือไรเฟิลรุ่นปรับปรุงใหม่ของ AK-74 ที่ผลิตเพื่อจำหน่ายแก่มิตรประเทศ รวมทั้งส่วนหนึ่งใช้ในกองทัพรัสเซียเอง
"ก่อนสิ้นปีนี้เราจะจัดส่งล็อตแรก ปืนได้ผ่านการทดสอบจนครบทั้งหมดแล้ว และ จะส่งมอบจำนวนที่ต้องการ ให้แก่กระทรวงกลาโหมก่อนสิ้นปีนี้" สำนักข่าวทาสส์อ้าง พล.ท.ชเรเก เชเมซอฟ (Sergey Chemezov) ซีอีโอกลุ่มรอสเท็ค (Rostec) รัฐวิสาหกิจไฮเท็ค อันเป็นเสมือนมุ้งใหญ่ ของบริษัทอุตสาหกรรมกลาโหม ในสังกัดกระทรวงกลาโหม
สำนักข่าวทางการ รายงานสัปดาห์ที่ผ่านมา อ้างผู้บริหาร คาลาชนิคอฟคอนเซิร์น ที่ยืนยันอีกครั้งว่า จะเริ่มเดินสายการผลิตในเดือน ก.พ.นี้ เพื่อผลิต AK-12 กับ AK-15 ล็อตใหญ่ ที่ไม่เปิดเผยจำนวน ให้กระทรวงกลาโหม -- เพื่อใช้ใน "กองกำลังภาคพื้นดิน กองกำลังทางอากาศ และ ทหารราบนาวิกโยธิน"
ถึงแม้ว่ากระทรวงกลาโหม ต้องการปืนที่ทันสมัยมากขึ้น ประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นและเชื่อถือได้ และ สั่งให้บริษัทอิซมาช (Izhmash Factory) ผู้ผลิตปืนในครอบครัว AK เมื่อก่อน เริ่มออกแบบ และ พัฒนาไรเฟิลกระบอกใหม่ จนกระทั่งได้ต้นแบบออกมาเมื่อปี 2012 -- อันเป็นที่มาของชื่อรุ่น --- แต่ยังไม่เคยมีข้อมูลใดๆ ว่า รัสเซียจะเลิกใช้ AKM กับ AK-74 ไรเฟิลเจ้าตำนาน แม้จะใช้มานานหลายทศวรรษแล้วก็ตาม
.
.
ตามข้อมูลของคาลาชนิคอฟ AK-12 ออกแบบโดยอุดจุดด้อยทุกจุด และ มีฟีเจอร์ต่างๆ ครบทั้งหมด ตามที่มีอยู่ในไรเฟิลกว่า 20 รุ่น/ยี่ห้อ ที่กองทัพเคยใช้มา จนถึงทุกวันนี้ -- ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ กองทัพต้องการให้ AK-12 เป็นอาวุธประจำกายสำหรับทหารในยุคหน้า ตามโครงการก่อสร้างกำลังพลยุคใหม่ ที่เรียกว่า แร็ตนิค (Ratnik) ซึ่งดำเนินอยู่ในขณะนี้
AK-12 ได้รับการยอมรับจากนักวิจารณ์ ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างกว้างขวาง เป็นไรเฟิลที่ทันสมัย ทุกกระบอกมาพร้อมกับกล้องช่วยเล็งคุณภาพสูง ซึ่งทำให้มีความแม่นยำสูง และ ยังมาพร้อมกับรางพิคาตินนี (Picatinny Rail) ทั้งบนสันปืนและด้านล่าง ทำให้ติดตั้งอุปกรณ์ช่วยรบ ได้หลากหลายชนิดพร้อมกัน รวมทั้งเครื่องยิงระเบิดด้วย
พานท้ายใหม่ของ AK-12 เป็นแบบเทเลสโคปิก (Telescopic) ผลิตจากไฟเบอร์คุณภาพดี หลายเสียงบอกว่า ดูคล้ายกับพานท้าย M4A2 ของค่ายสหรัฐ -- สามารถชักเข้าออกได้ ให้เหมาะกับช่วงไหลกับช่วงแขน ที่แตกต่างกันของผู้ใช้แต่ละคน ทำให้เหนี่ยวไกได้ถนัดขึ้น ขณะที่แขนอีกข้างควบคุมปืนได้ถนัดยิ่งขึ้น ช่วยลดแรงสะท้อนกลับลงไปอีก
เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ชุดยิงของ AK-12 ยังคงฟีเจอร์ยอดนิยมเดิมๆ ของ AKM ไว้ครบ -- ใช้ก้านกดเลื่อนเลือกระบบการยิง เป็นก้านล็อกป้องกันการเหนี่้ยวไก หรือ Safety Lever ไปในตัว ไม่ต้องแยกไปใช้ปุ่มหรือก้านล็อกอีกที่หนึ่ง -- ผู้ยิงสามารถเลือกโหมดยิงแบบทีละนัด หรือ ชุดกึ่งอัตโนมัติชุดละ 2 นัด หรือ ยิงรัวแบบออโตเมติกอย่างสมบูรณ์
นอกจากนั้น AK12 ยังใช้อุปกรณ์ของ AKM/AK-74 ได้ทุกชนิด รวมทั้งแม็กกาซีนบรรจุ 30 นัด กล่องบรรจุกระสุน 40 นัด และ "จาน" (Drum) ที่บรรจุได้ถึง 75 นัด -- เพราะฉะนั้น นอกจากเป็นปืนรุ่นใหม่ที่ทันสมัย และก้าวล้ำหน้าไปไกลแล้วก็ตาม AK-12 ก็ยังเป็นปืนที่กองทัพกับกำลังพล คุ้นเคยมานาน 5-6 ทศวรรษไม่เปลี่ยนแปลง
กาลเวลาผ่านไป จุดประสงค์ในการผลิต AK-12 ถูกดัดแปลงแก้ไขมาหลายครั้ง ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีนั้น กลุ่มอิซมาช จะ ทำออกมาในหลากหลายเวอร์ชั่น ใช้กระสุนได้เกือบจะทุกขนาด รวมทั้งกระสุนของค่ายตะวันตก -- คือ นาโต้กับสหรัฐด้วย แต่ในที่สุดก็ถูกจำกัด ให้แคบลง และ ผลิตออกมา เพื่อใช้เป็นไรเฟิลสำหรับกำลังพล ของกองทัพแห่งอนาคต
.
ในที่สุดคาลาชนิคอฟก็ผลิต AK-12 มาใช้กับกระสุน 5.45x39 มม.เพียงขนาดเดียว จึงทำให้มีการคาดเดากันตลอดมาว่า กระทรวงกลาโหมจะนำเข้าใช้งานแทน AK-74 กับไรเฟิลอื่นๆ ที่ใช้กระสุนขนาดเดียวกันทุกรุ่น แต่ยังไม่เคยมีการพูดถึงเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ -- เช่นเดียวกันกับ อนาคตของ AKM ที่ใช้กระสุน 7.62x39 ซึ่งมีอานุภาพรุนแรงกว่า เจาะทะลุทะลวงได้ดีกว่า -- แม้ว่าจะเริ่มใช้ AK-15 ในปีนี้แล้ว
สื่อของทางการรายงานก่อนหน้านี้ว่า คาลาชนิคอฟคอนเซิร์น เคยเสนอกระทรวงกลาโหม เพื่อผลิต AK-12 รุ่นที่ใช้กระสุน 7.62x39 ออกมาอีกรุ่นหนึ่ง แต่ยังไม่มีการตอบรับ
หลังเปิดเผยปืนต้นแบบให้เป็นที่ฮือฮาในอุตสาหกรรม ในปี 2555 จากนั้นคาลาชนิคอฟ ได้เริ่มทดสอบ AK-12 ภายในโรงงาน ก่อนจะเข้าสู่การทดสอบ แบบใช้งานจริงตามมาตรฐานของกองทัพ
เมื่อปี 2559-2560 เคยมีผู้นำภาพถ่ายชุดเผยแพร่ผ่านสื่อประชาสังคมไปทั่วโลก เป็นภาพทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษรัสเซียในซีเรียจำนวนหนึ่ง ใช้ไรเฟิล AK-12 ในการสู้รบ ขับไล่กลุ่มก่อการร้ายไอซิส ออกจากเขตโบราณสถานพาลมีร่า (Palmyra) อีกชุดหนึ่งออกตามไล่ล่ากลุ่มก่อการร้าย ในทะเลทราย และ การทดสอบยังคงดำเนินต่อมา โดยกองทัพบก
สำหรับ AK-15 ได้เปิดตัวตนเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2558 ผลิตโดยโรงงานไซก้าไรเฟิล (Saiga Rifle) ซึ่งเป็นสายการผลิตหนึ่งของ คาลาชนิคอฟคอนเซิร์นนั่นเอง เป็นไรเฟิลที่ไม่มีอะไรซับซ้อนมากมาย หากเป็นดีไซน์ AK-74 ไม่ต่างกับ AK-12 แต่มีขนาดกระทัดรัดกว่า และ ใช้กระสุน 7.62x39 เพียงขนาดเดียว สำหรับหน่วยรบพิเศษ -- หลายเสียงพูดกันว่า กองทัพกำลังจะใช้ AK-15 ที่ทันสมัยกว่า แทน AK-103 ที่ออกมาก่อนหน้านี้
ผู้เชี่ยวชาญของรัสเซียกล่าวว่า กำลังพลหลายหน่วยยังคงนิยมชมชอบ ไรเฟิลที่ใช้กระสุน 7.62x39 มากกว่า เนื่องจากให้แรงปะทะมากกว่า เจาะทะลวงได้ดีกว่าดังที่กล่าวมาแล้ว -- กำลังพลหน่วยปฏิบัติการพิเศษได้พบว่า ในการสู้รบในเขตเมืองนั้น กระสุน 5.45x39 มีแนวโน้มเอียง ที่จะเฉออกจากวิถียิงตลอดเวลา แม้แต่แล่นผ่านใบไม้ธรรมดาๆ เท่านั้่น -- แต่เรื่องแบบนี้ไม่มีในกระสุน 7.62x39 มม.
สำนักข่าวทาสส์รายงาน ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา อ้างนายอเล็กเซ คริโวรุชคอฟ (Alexei Krivoruchko) ซีอีโอคาลาชนิคอฟคอนเซิร์น ที่ระบุว่า AK-12 กับ AK-15 ผ่านการรับรองจากกระทรวงกลาโหมแล้ว และ การผลิตจำนวนมากๆ กำลังจะเริ่มขึ้น.
ทั้งถ่ายและภาพ "แค็ป" จากวิดีโอ เป็นเหตุการณ์เดือน มี.ค.2560 หน่วยรบพิเศษ กองทัพรัสเซียออกปฏิบัติการ ร่วมกับทหารประจำการปรกติของกองทัพบก และ ทหารรัฐบาลซีเรีย ชิงโบราณสถานพาลมีร่า (Palmyra) คืนจากกลุ่มก่อการร้ายอีกครั้ง พวกเขาถือปืนยาวรุ่นใหม่ ทั้ง AK-12,AK-15 และ RPK-16 ที่ผลิตโดยคาลาชนิคอฟเช่นเดียวกัน -- สำหรับกระบอกหลังกองทัพรัสเซียเริ่มใช้ในเดือนนี้ -- นี่คือปืนเล็กยาวมาตรฐานกึ่งอัตโนมัติ กับปืนกลเบารุ่นใหม่ ที่ใช้เป็นไรเฟิลประจำกายกำลังพลได้ เพียงแค่เปลี่ยนลำกล้อง -- ทั้งหมดได้พิสูจน์การใช้งานจริงในสมรภูมิซีเรีย เช่นเดียวกับอาวุธยุทโธปกรณ์อื่นๆ อีกหลายชนิด. |