xs
xsm
sm
md
lg

ยอดขาย AK-12 ทะลุล้านกระบอก ปีหน้า “อาก้า” แถวนี้ตกรุ่นตกยุค

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<bR ><FONT color=#000033>รูปลักษณ์ไม่ถึงกับเลิศหรูแต่ยังรักษาคุณภาพแบบคับลำกล้องของ AK-47, AK-74 และ AKM รุ่นพี่เอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบ รัสเซียกำลังจะนำ AK-12 เข้าประจำการปีหน้านี้และเรียกว่า ปืนแห่งศตวรรษที่ 21 ขณะที่มีการเปิดเผยว่าจนถึงปัจจุบันยอดสั่งซื้อจากลูกค้าทั่วโลกทะลุ 2 ล้านกระบอก กองทัพรัสเซียซื้อใช้เองกว่า 1 ล้านกระบอก ยังครองตำแหน่งปืนไรเฟิลยอดนิยมอันดับโลก.  </b>

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ปีใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว ใกล้ถึงเวลาแห่งการเปลี่ยนยุคของไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติที่มีใช้ประจำการแพร่หลายที่สุดในกองทัพประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทั้งของจริงและของก๊อบรวมทั้งในไทย และในประเทศเพื่อนบ้านด้วย รัสเซียจะนำ AK-12 เข้าประจำการในกองทัพปี 2557 นี้ โละ “อาก้า” รุ่นก่อนๆ แบบยกยุค

ขณะเดียวกันสื่อของทางการได้เปิดเผยตัวเลขอันน่าทึ่งจนถึงวันนี้ยอดสั่งซื้อ “ปืนไรเฟิลแห่งศตวรรษที่ 21” พุ่งทะลุล้านกระบอก -- ซึ่งอาจรวมหมยถึงจำนวน ที่สั่งซื้อโดยกองทัพ

การเปลี่ยนปืนไรเฟิลในปี 2557 นี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงสรรพาวุธครั้งใหญ่ของทหารตั้งแต่ปืนพกปืนสไนเปอร์ไปจนถึงปืนกล รัสเซียประกาศเรื่องนี้ผ่านสถานีวิทยุ และโทรทัศน์ในกรุงมอสโกสัปดาห์นี้ มีรายงานเนื้อหาของคำแถลงในเว็บไซต์สำนักข่าว RIA Novosti

บริษัทอิซมาช (IZHMASH Factory) ซึ่งเป็นผู้ผลิตปืนกาลาสนิกอฟทำ AK-12 ออกมามีขนาดลำกล้องกับชุดลั่นไกให้เลือกหลายขนาดเพื่อให้ใช้กระสุนได้ทั้ง 2 ค่าย คือทั้งขนาด 5.45x39 และ 7.62x39 มม.ของ AK-47/AKM กับอาก้ารุ่นอื่นๆ เกือบ 20 เวอร์ชันที่ใช้ในปัจจุบัน และขนาด 5.56x45 มม. กับ 7.62x51 มม.ของสหรัฐฯ และนาโต้ สำหรับรุ่นที่ใช้กระสุนขนาด 5.56x45 ยังใช้ขนาด 5.56x39 มม.ได้อีกด้วย

นับเป็นข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับปืนรุ่นใหม่นี้เท่าที่เคยมีการแถลง

สื่อของทางการกล่าวอีกว่าโรงงานอิซมาชมีแผนการจะทำ AK-12 ที่ใช้กระสุนขนาด .223 เรมิงตันออกมาในรูปแบบปืนไรเฟิลสำหรับประจำครัวเรือนใช้เป็นอาวุธป้องกันชีวิตและทรัพย์สินหรือล่าสัตว์ อีกรุ่นหนึ่งมีเครื่องยิงกระสุนลูกซองเบอร์ 12 ติดตั้งให้อีกด้วย ทั้ง 2 รุ่นนี้คาดว่าจะออกอวดโฉมได้ในไตรมาสแรกปีหน้า

การผลิต AK-12 ออกมาให้เลือกมากมายหลายรุ่นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนนี้แสดงให้เห็นเป้าหมายในการทำตลาดทั่วโลกทั้งในกลุ่มสังคมนิยมเก่าที่มีกระสุนปัจจุบันเหลือในสต๊อก กลุ่มใช้กระสุนมาตรฐานของสหรัฐฯ กับตะวันตกได้ ประเทศที่มีกระสุนค่ายตะวันตกสำรองเอาไว้มากมายในปัจจุบันรวมทั้งที่ผลิตได้เองด้วย
.


.
ในภาพรวมก็คือ AK-12 จะเป็น “อาก้า” รุ่นแรกที่เปิดโอกาสให้เลือกใช้ได้กระสุนปืน M-16 ได้หลังจากรัสเซียได้ทดลองผลิต AKM บางรุ่นออกมาทดลองใช้ก่อนหน้านี้ นอกจากนั้นยังยิงกระสุนขนาดอื่นๆ ที่มีใช้ในวงการกลาโหมในปัจจุบันได้เกือบทุกชนิด

สำนักข่าวกลาโหมหลายแห่งกำลังจับตาความเปลี่ยนแปลงอันสำคัญที่จะมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในอนาคตเมื่อหลายประเทศปลดระวาง AK-47 เวอร์ชันต่างๆ กับ AKM ที่ใช้งานมานาน 30-50 ปีและจะต้องมองหาปืนที่ทันสมัยแต่ราคาถูกกว่าจากค่ายเดิมที่คุ้นเคย คราวนี้ยังสามารถหาเครื่องกระสุนได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

AK-12 หรือ Avtomat Kalashnikova, 2012 ทำออกมาพร้อมติด “รางพิกาตินนี” (Picatinny Rail) ทั้งด้านบน-ด้านล่างเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับการรบในยุคใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้องส่องขยายเพื่อช่วยในการเล็งเป้า ชุดยิงลูกระเบิดกับไฟฉายส่องสว่างที่ติดด้านล่างซึ่งปืน “ตระกูล M” ทั้ง M-1, M-4 และ M-16 ของสหรัฐฯ และยุโรปล้ำหน้าไปก่อน

AK-47, AK-74 รวมทั้ง AKM รุ่นแรกๆ ไม่ได้ทำขึ้นเผื่อติดตั้งอุปกรณ์ประกอบดังที่กล่าวมาแล้ว มีเพียง AKM บางรุ่นที่ทำออกมาระยะหลังๆ สามารถดัดแปลงติดกล้องกับเครื่องยิงระเบิดได้แต่ทำให้ปืนเสียรูปทรงอย่างมาก AK-12 แก้ปัญหากับความยุ่งยากเหล่านี้ได้ทั้งหมดอุปกรณ์ที่ใช้กับปืนของโลกตะวันตกใช้กับ AK-12 ได้เกือบทั้งหมด
.

2

3
.

มิคาอิล กาลาสนิกอฟ เริ่มออกแบบปืนรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ในช่วงกลางปี 2554 โดยรักษารูปทรงดั้งเดิมเอาไว้ให้มากที่สุดแต่ยิงได้แม่นยำยิ่งขึ้นแรงสะบัดกับแรงถีบหายไปเกือบหมดโดยเป้าหมายเริ่มแรกจะให้เป็นอาวุธสำหรับกองกำลังตำรวจแต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อกระทรวงกลาโหมต้องการให้ยี่ห้อ AK ซึ่งเป็นตำนานได้อยู่คู่กองทัพต่อไปโดยจะไม่เปลี่ยนเป็นยี่ห้ออื่น หรือแบบอื่น

ตามรายงานของสื่อทางการรัสเซีย ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2555 เป็นต้นมา AK-12 ผ่านการทดสอบมาในหลายด้านดังต่อไปนี้ -

1.ยิงในอุณหภูมิต่ำกว่า -5 องศาเซลเซียส : AK-12 ยิงได้ดีเป็นปกติไม่เกิดการติดขัดเมื่อส่วนประกอบที่เป็นโลหะเย็นจัด การป้อนกระสุน-คัดปลอกกระสุนออกไม่ติดขัด
2.ยิงในอุณหภูมิสูง : ได้ผลออกมาเช่นเดียวกัน กระสุนไม่ติดขัดในรังเพลิง หรือ “ไม่ขัดลำกล้อง”
3.เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยทราย หรือฝุ่นละเอียด : AK-12 ยังยิงได้ดีเป็นปรกติ ไม่มีการติดขัดใดๆ
4.ความแข็งแกร่งของส่วนประกอบทั้งส่วนที่เป็นโลหะผสมและอัลลอย ปืนแข็งแรง ทนทาน ทรหด ใช้งานได้ในทุกสภาพตามมาตรฐานของ “อาก้า”
5.ระยะยิงหวังผล : ยิงได้ไกลขึ้น และแม่นยำมากขึ้น
.


4
<bR><FONT color=#000033>ผู้ให้กำเนิด AK-47 เมื่อ 56 ปีก่อนกับผู้ออกแบบ AK-12 ในวันนี้ก็ยังเป็นคนๆ เดียวกันคือ มิคาอิล กาลาสนิกอฟ ซึ่งในปัจจุบันอายุเกือบ 100 ปีแล้ว ชมตัวจริงเสียงจริงในคลิปประกอบข่าวชิ้นที่ 2. </b>
5
.

หลังผ่านการทดสอบจนเป็นที่พอใจ บริษัทผู้ผลิตได้ขออนุญาตต่อกระทรวงกลาโหมส่งปืนตัวอย่างไปให้ประเทศลูกค้าเก่าของอาก้าทั่วโลกทั้งในเอเชีย อเมริกาใต้และยุโรปได้ทดลองใช้จนทำให้มียอดสั่งจองเป็นจำนวนกว่า 2 ล้านกระบอกในขณะนี้ กองทัพรัสเซียเซ็นซื้อไว้ใช้เองกว่า 1 ล้านกระบอกมีกำหนดส่งมอบทั้งหมดในปี 2557 ก่อนส่งมอบลูกค้าโพ้นทะเลต่อไป เว็บไซต์เล็นตาด็อทอาร์ยูกล่าว

นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947) เป็นต้นมามีการผลิต “อาก้า” ราว 75 ล้านกระบอก กลายเป็นปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติที่มีใช้แพร่หลายที่สุดในโลก ปืนอาก้ามีบทบาทในสงครามกองโจรในเกือบจะทุกประเทศทั่วโลก โมซัมบิกในแอฟริกาปัจจุบันใช้รูปปืนชนิดนี้รวมกับหนังสือและรูปจอบประดับบนผืนธงชาติกลายเป็นสัญลักษณ์ของชาติ

ติมอร์เลสเต เพื่อนบ้านของกลุ่มอาเซียน เป็นอีกชาติหนึ่งที่ใช้ปืนอาก้าเป็นสัญลักษณ์ในตราประเทศ

ตามบัญชีรายชื่อผู้ใช้ปืนของกาลาสนิกอฟ ในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีเพียงเวียดนาม ลาวและกัมพูชาเท่านั้นที่มีของแท้ผลิตจากรัสเซียในครอบครอง ส่วนไทย พม่า มาเลเซีย และกัมพูชาในระยะหลังใช้ “อาก้า” เวอร์ชันที่ผลิตในจีน

อินโดนีเซียเป็นประเทศนอกค่ายคอมมิวนิสต์มีที่อาก้าใช้ก่อนใครๆ ในภูมิภาคแต่เป็นเวอร์ชันที่ผลิตจากยุโรปตะวันออก.


กำลังโหลดความคิดเห็น