MGRออนไลน์ -- กัมพูชาคาดหวังจะมีรายได้ 500 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 17,000 ล้านบาท จากบ่อน้ำมันแห่งแรกในทะเลอ่าวไทย ที่จะเริ่มพัฒนาในเร็วๆ นี้ โดยบริษัทร่วมระหว่างกลุ่ม KrisEnergy ที่จดทะเบียนในสิงคโปร์กับรัฐบาลกัมพูชา โดยกระทรวงเหมืองแร่และพลังงาน กล่าวว่าเป็นตัวเลขที่อ้างอิงปริมาณน้ำมันดิบที่ค้นพบในแปลง A เพียงประมาณ 47 ล้านเบาเรล และเชื่อกันว่า ยังมีอีกมหาศาล
ปริมาณดังกล่าวคิดเป็นประมาณ 6.5% ของน้ำมันดิบที่คาดว่า จะมีอยู่ในแปลงเดียวกัน สื่อของทางการรายงาน อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่กระทรวง
สัปดาห์ปลายเดือน ส.ค. รัฐบาลกัมพูชาได้เซ็นความตกลงเกี่ยวกับปิโตรเลียม กับคริสเอ็นเนอร์จี เพื่อพัฒนาและผลิตน้ำมันดิบและก๊าซ ในแปลงสำรวจ A ซึ่งมีเนื้อที่ราว 3,083 ตารางกิโลเมตร ในทะเลอ่าวไทยของกัมพูชา อันเป็นบริเวณที่น้ำลึก 50-80 เมตรเท่านั้น
ขณะที่มีความคาดหวังเกี่ยวกับตัวเลขรายได้จากการพัฒนาและผลิต น้ำมันและก๊าซในแปลง A รัฐบาลกำลังเร่งจัดทำกฎระเบียบต่างๆ รวมทั้งพัฒนานโยบายการผลิตพลังงานที่จำเป็น ทั้งนี้เเพื่อบริหารจัดการ ทั้งการดำเนินการและรายได้ให้ถูกต้อง ตามมาตรฐานสากล เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ สำนักข่าวกัมพูชารายงาน
วันที่ 23 ส.ค.2560 กัมพูชา เซ็นสัญญากับกลุ่มบริษัทจากสิงคโปร์ เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำมันแรกของประเทศ ที่นายกรัฐมนตรีฮุนเซนเคยกล่าวหาว่า บริษัทเชฟรอน (Chevron) แห่งสหรัฐ ผู้ถือหุ้นใหญ่ในกลุ่มผู้ลงทุนชุดเก่า เจ้าของสัมผทานเดิม ในการสำรวจขุดเจาะแปลง A เตะถ่วงมาเป็นเวลานาน ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ ทำให้กัมพูชาที่มีความหวังมาช้านาน จะเป็นชาติผลิตน้ำมันอีกรายหนึ่งในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลายเป็นความจริง
เชฟรอนซื้อกิจการสำรวจขุดเจาะแปลง A กับอีกหลายแห่งในย่านนี้ ต่อจากยูโนแคล (Unocal) เมื่อก่อนที่ถอนตัวออกไป นอกจากนั้นก็ยังมีบริษัทน้ำมันสัญชาติอื่นๆ ทั้งไทย มาเลเซีย ญี่ปุ่น เข้าสำรวจหาทรัพยากรณ์พลังงาน ทั้งในแหล่งบนบกและในทะเลกัมพูชา มาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 จีนเข้าสมทบอีกฝ่ายในช่วงปีหลังๆ
บริษัทเชฟรอนประกาศการพบน้ำมันดิบในแปลง A ตั้งแต่ปี 2548 และเป็นรายแรกที่ประกาศในเรื่องนี้ จากแปลงสำรวจนอกชายฝั่งทั้งหมด 6 แปลง ที่กำลังดำเนินการโดยบริษัทน้ำมันต่างชาติ แต่การผลิตต้องหยุดชะงักไป เมื่อรัฐบาลกับเชฟรอน ไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการแบ่งรายได้ ส่งผลให้บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ พร้อมหุ้นส่วนอีก 2 รายจากญี่ปุ่นและเกาหลี ได้ถอนตัวออกไป โดย จำหน่ายหุ้นทั้งหมดให้แก่ KrisEnergy จนแล้วเสร็จในปี 2557
ภายใต้ข้อตกลงกับรัฐบาลเขมร บริษัทจากสิงคโปร์ จะเริ่มสกัดน้ำมันบนส่วนหนึ่งในแปลง A ที่ชื่อว่า "แหล่งอัปสรา" ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของชายฝั่งสีหนุวิลล์ บริษัทจะสร้างแท่นขุดเจาะน้ำมันขึ้นมา 1 แท่น และ จะเพิ่มอีก 2 แท่น หากจุดแรกให้ผลตอบแทนดี
บริษัทสิงคโปร์ถือหุ้น 95% แปลงสำรวจนี้ ขณะที่รัฐบาลกัมพูชาถือส่วนที่เหลือ และ ภายใต้ข้อตกลง KrisEnergy มีเวลา 60 วัน ที่จะประกาศการตัดสินใจลงทุนครั้งสุดท้าย
“นี่เป็นก้าวสำคัญ เป็นแหล่งน้ำมันแรกของกัมพูชา” หัวหน้าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของบริษัท KrisEnergy กล่าวในพิธีลงนามความตกลงครั้งนั้น.