เอเอฟพี - กัมพูชาลงนามข้อตกลงกับบริษัทพลังงานของสิงคโปร์วานนี้ (23) เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำมันแรกของประเทศ ความเคลื่อนไหวล่าสุดของแผนการที่ล่าช้ามานานของกัมพูชาที่หวังจะเป็นชาติผลิตน้ำมัน
บริษัท KrisEnergy ลงนามข้อตกลงกับรัฐบาลในกรุงพนมเปญ ที่จะพัฒนาแหล่งน้ำมันนอกชายฝั่งในอ่าวไทย ที่พวกเขาหวังจะผลิตน้ำมันให้ได้ 8,000 บาร์เรลต่อวันภายในปี 2563
รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานกัมพูชา กล่าวยกย่องการลงนามครั้งนี้ว่าเป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ และกล่าวว่า กัมพูชาจะกลายเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันในอนาคต
อ่าวไทยมีแหล่งน้ำมันที่บริษัทของไทย และมาเลเซียต่างเข้าสำรวจมาตั้งแต่ทศวรรษ 1980 แต่กัมพูชา หนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกยังล่าช้าที่จะเริ่มดำเนินการ
บริษัทเชฟรอน เป็นรายแรกที่พบว่ามีแหล่งน้ำมันสำรองอยู่ในน่านน้ำกัมพูชาในปี 2548 และไม่นานหลังจากนั้น กัมพูชาได้รับการยกย่องว่าเป็นประเทศที่มีศักยภาพด้านปิโตรเลียมรายถัดไปของภูมิภาค ซึ่งรัฐบาลกัมพูชาประเมินว่า มีก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันดิบอยู่หลายร้อยล้านบาร์เรล ใน 6 บล็อกนอกชายฝั่ง
แต่การผลิตต้องหยุดชะงักไปเมื่อรัฐบาล และเชฟรอนไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการแบ่งรายได้ ส่งผลให้บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ละทิ้งโครงการนี้ และขายหุ้นให้แก่บริษัท KrisEnergy ในปี 2557
ภายใต้ข้อตกลงกับรัฐบาลเขมร บริษัท KrisEnergy จะเริ่มสกัดน้ำมันบนส่วนหนึ่งของบล็อกขนาด 3,000 ตารางกิโลเมตร ที่ชื่อแหล่งน้ำมันอัปสรา ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของชายฝั่งประเทศ โดยบริษัทจะสร้างแท่นขุดเจาะน้ำมันขึ้นมา 1 แท่น และมีแผนเพิ่มอีก 2 แท่น หากจุดแรกให้ผลตอบแทนดี
บล็อกน้ำมันนี้บริษัทสิงคโปร์ถือหุ้น 95% ขณะที่รัฐบาลกัมพูชาถือส่วนที่เหลือ และภายใต้ข้อตกลง บริษัท KrisEnergy มีเวลา 60 วัน ที่จะประกาศการตัดสินใจลงทุนครั้งสุดท้าย
“นี่เป็นก้าวสำคัญ เป็นแหล่งน้ำมันแรกของกัมพูชา” หัวหน้าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของบริษัท KrisEnergy กล่าวในพิธีลงนามข้อตกลง
กัมพูชาประเมินว่า จะได้ค่าสัมปทาน และภาษีอย่างน้อย 500 ล้านดอลลาร์ จากเฟสแรกของโครงการ แต่ยังมีความวิตกว่า รายได้จากน้ำมันจะเลือนหายไปกับระบบราชการที่ทุจริตคอร์รัปชัน แต่รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง ระบุว่า รายได้จากน้ำมันจะนำมาใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ.
