คำเตือน : การนำเสนอข่าวนี้ ไม่ได้มีความประสงค์ส่งเสริมการใช้ความรุนแรง หรือ การแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงใดๆ หากเป็นการให้ข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับอาวุธปืนรุ่นหนึ่ง เพื่อประโยชน์ของสาธารณชนทั่วไป ที่ประสงค์จะมีอาวุธปืน ไว้ในครอบครองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และ เป็นเรื่องใกล้ตัวทุกคน เนื่องจากไทยเป็นตลาดอาวุธปืนใหญ่ที่สุดในย่านนี้ เยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ต้องอ่าน ศึกษาและชมวิดีโอประกอบข่าว โดยใช้วิจารณญานอย่างเคร่งครัด ควรปรึกษาพ่อแม่ผู้ปกครองหากมีปัญหาใดๆ เกี่ยวกับอาวุธปืน ซึ่งการมีในครอบครองอย่างผิดกฎหมาย หรือ ใช้อย่างผิดกฎหมาย มีโทษตั้งแต่จำคุก 1-2 ปี หรือ โทษทั้งจำคุกและปรับ จนถึงจำคุกตลอดชีวิต และ โทษประหารชีวิต. |
MGRออนไลน์ -- บริษัทกล็อก (Glock GmpH) แห่งออสเตรีย ได้เปิดเผยแผนการผลิตและจำหน่ายในตลาดทั่วไป ปืนพกกึ่งอัตโนมัติรุ่นพิเศษ ที่นำเสนอต่อกองทัพสหรัฐ เมื่อครั้งประกวดราคาในโครงการการจัดหาปืนพกโครงโพลิเมอร์ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ (Modular Handgun System) สำหรับกำลังพล โดยเรื่องนี้ถูกมองว่า เป็นการกู้ศักดิ์ศรีของกล็อก ผู้ผลิตปืนพกกึ่งออโต้ขายดีที่สุด ได้รับความนิยมมากที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดโลกปัจจุบัน รวมทั้งในประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดอาวุธปืนใหญ่ที่สุดในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
เรื่องนี้เป็นข่าวที่ผ่านการวิพากษ์วิจารณ์ จากบรรดาเซียนในวงการมานานข้ามสัปดาห์ ความเคลื่อนไหวของกล็อก ยังมีขึ้นในท่ามกลางปัญหาเกี่ยวกับปืนซิกซาวเออร์ P320 ที่ชนะการประกวดราคาปืนกองทัพสหรัฐ หลังจากมีการทดสอบอย่างแพร่หลาย และ พบว่าปืนรุ่นนี้ "หล่นแล้วลั่น" ซึ่งเป็นความจริง ยิ่งทดสอบก็ยิ่งเจอ ในขณะที่การทดสอบกับ Glock 17/19 ที่เป็นคู่แข่ง รวมทั้งปืนพกโครงโพลิเมอร์แบบเข็มพุ่ง (Strike-fired) ในระดับเดียวกัน ก็ไม่มีกระบอกไหน ยี่ห้อใด "หล่นแล้วลั่น" เช่น P320 (ชมคลิปการทดสอบข้างล่าง)
เพราะฉะนั้นข่าวการเคลื่อนไหว เตรียมการผลิตและวางตลาดปืนรุ่นมาตรฐานกองทัพสหรัฐของกล็อก จึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก จากทั้งอุตสาหกรรม อย่างไม่ต้องสงสัย
ในเดือน มิ.ย.ปีนี้กล็อกสหรัฐ (Glock Inc) ซึ่งเป็นตัวแทนในการประกวดราคาในสหรัฐ เพื่อชิงโควต้าปืนแสนกระบอกของกองทัพ ได้เปิดเผยรูปโฉมของปืน MHS ของตนเป็นครั้งแรก โดยกล็อกเสนอให้กองทัพสหรัฐพิจารณา และ ทำการทดสอบ 2 ขนาด คือ กล็อก 19 (9 มม.) และ กล็อก 23 (.40 เอสแอนด์เอ็ม) -- ต่อมาหลายคน ได้เรียกปืนทั้งสองกระบอกเสียใหม่เป็น Glock US Army
ทั้งสองกระบอกมีคุณสมบัติดีเด่นของปืนกล็อกทุกประการ รวมทั้งรูปลักษณ์เดิม แต่ผลิตออกมาเป็นรุ่นพิเศษ สนองความต้องการของฝ่ายทหาร ที่ต้องการปืนพกประจำกาย ที่มีความบึกบึน ทนทานต่อการใช้งาน ในทุกสภาพภูมิอากาศ และ ทุกสภาพภูมิประเทศ แถมยังมีฟีเจอร์ที่โดดเด่นอีกหลายประการ รวมทั้งปุ่มเซฟตี้ ซึ่งบางสำนักอธิบายว่า เป็นระบบล็อกรางเลื่อน มิให้เคลื่อนไหวได้ ซึ่งทำให้ไม่สามารถลั่นกระสุนออกจากรังเพลิงได้ เป็นปฏิบัติการโดยใช้กลไก คล้ายกันกับฟีเจอร์ "ลดนก" (Decocking) ในเบเร็ตต้า M-9 ที่ใช้มา 3 ทศวรรษ
แต่ปืนกล็อกไม่มีนก ไม่ได้ยิงด้วยระบบนกสับลงบนเข็มแทงชนวน หรือ Hammer-striked Firing หากปล่อยเข็มแทงชนวนที่มีสปริงดัน ให้ "หลุด" ไปชนจอกชนวน ที่กึ่งกลางของท้ายกระสุนโดยตรง
จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า "ปืนขี้แพ้" ทั้งสองกระบอก จะเป็นที่ต้องการมากมายเพียงไร ในตลาดปืนทั่วโลก และ ในวันหนึ่งก็จะตกมาถึงย่านวังบูรพาในกรุงเทพ รวมทั้งตลาดอื่นๆ ในย่านนี้ ที่มีกฎหมายอนุญาติให้ประชาชนทั่วไป มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอบได้ เพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อการกีฬาและล่าสัตว์ เช่นเดียวกันกับในประเทศไทย ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านรอบข้าง ไม่อนุญาตให้พลเรือนทั่วไปครอบครองอาวุธปืนได้ เว้นแต่ต้องได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษจากรัฐบาล
.
2
ผู้บริหารระดับสูงของ Glock GmbH คนหนึ่ง ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ในนิตยสารความมั่นคงปลอดภัยยุโรปและการกลาโหมยุโรป ของเยอรมนี ฉบับเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา กล่าวถึงอนาคตที่อาจจะนำ Glock US Army ทั้งสองรุ่นออกจำหน่าย ทั้งนี้เนื่องจากเป็นผลผลิตของกล็อกโดยแท้ ผลิตขึ้นจากการศึกษาวิจัยและพัฒนาโดยกล็อก 100% ไม่มีอะไรผูกพันกับกองทัพสหรัฐ
นับเป็นความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของกล็อก ที่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมในวงการปืนผ่าหน้าไม้ได้อีกครั้ง นับตั้งแต่กล็อกออกมาสู่ตลาดเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว ซึ่งเพียงไม่นานต่อมาได้กลายเป็น "ปืนปฏิวัติ" เพราะใช้โครงโพลิเมอร์ มีน้ำหนักเบา ออกแบบให้มีรูปลักษณ์สวยงาม เรียบหรู ทนทาน แต่มีความแม่นยำสูง และ กลายเป็นปืนพกประจำกายของกำลังพลกองทัพออสเตรียในที่สุด
กล็อกจะนำปืน รุ่น US Army ออกวางจำหน่ายเมื่อไร? ยังไม่มีกำหนดเวลา แต่คนในอุตสาหกรรมนี้บอกว่า "ไม่เร็วก็ช้า จะต้องมาจนได้ ไม่เป็นอย่างอื่น"
และ สาเหตุที่กล็อกไม่ด่วนทำตลาดปืน MHS ก็เนื่องจาก เพิ่งออก Glock Gen 5 หรือ "ปืนกล็อกยุคที่ 5" ในช่วงฤดูร้อนขณะนี้ ซึ่งมีข้อแตกต่างกับปืนยุคที่ 3 และ 4 ในหลายเรื่อง รวมทั้งรูปลักษณ์ที่เรียบหรูยิ่งกว่าเดิม และ ไม่ทำร่องสำหรับวางนิ้วออกมาอีก ปัจจุบันวางตลาดเพียง 2 รุ่น เป็นปืนขนาด 9 มม. ทั้งหมด คือ Glock 17 กับ Glock 19
ในเดือน ม.ค.ปีนี้ ปืน MHS ของกล็อกพ่ายแพ้ ปืนคู่แข่ง ที่นำเสนอโดยซิกซาวเออร์ (SigSauer) แห่งสหรัฐ ผู้เข้าร่วมประกวดราคารายอื่นๆ ยังรวมทั้ง ปืนของบริษัท FN America และ Beretta USA ในขณะที่ปืนของสมิธแอนด์เวสสัน (Smith&Wesson) ซึ่งเป็นของสหรัฐแท้ๆ เพียงกระบอกเดียว ตกไปตั้งแต่รอบคัดเลือก ในโครงการจัดหาปืนพกรุ่นใหม่ มูลค่ากว่า 500 ล้านดอลล่าร์ เพื่อใช้แทนเบเร็ตตา M-9 ขนาด 9 มม. ที่ใช้งานมานาน 30 ปี
กล็อกยื่นประท้วงผลการพิจารณาในทันที ทั้งเรียกร้องให้หน่วยงานรับผิดชอบ ของกองทัพสหรัฐ ทำการทดสอบ P320 กับ Glock 19/23 อีกครั้งหนึ่ง โดยกล่าวหาว่า คณะกรรมการฯ สรุปผลเร็วเกินไป ยังทดสอบไม่ครบทุกกรณี แต่ในอีก 2 เดือนถัดมา คณะกรรมการชุดหนึ่ง ของสำนักงานกำกับดูแลความโปร่งใส ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐ ได้ยกคำร้องของกล็อกอินซ์ให้ตกไป และ กองทัพบกก็ ปฏิเสธที่จะทดสอบซ้ำ
.
3
นายริชาร์ด เฟลอร์ (Richard Flur) หัวหน้าฝ่ายขายระหว่างประเทศ ของบริษัทกล็อก ในเมืองดอยช์-วากราม (Deutsch-Wagram) ออสเตรีย ระบุระหว่างให้สัมภาษณ์นิตยสาร European Security and Defence สื่อกลาโหมที่มีชื่อเสียงในกรุงบอนน์ เยอรมนี ว่า "มันเป็นปืนที่ดีมากทีเดียว และ เราอยากจะให้ฝ่ายต่างๆ ที่มีความสนใจได้ทดลองและหาซื้อ" ทั้งนี้เนื่องจากกล็อกออกทุนเองทุกอย่าง ในการพัฒนาปืน MHS จึงไม่มีปัญหาอะไร หากจะนำออกจำหน่ายในเชิงพาณิชย์
นอกจากนั้นกล็อก ยังจะนำฟีเจอร์ที่ดีเด่นต่างๆ ตลอดจนประสบการณ์ ทีได้จากการทำ R&D และ การเข้าร่วมประกวดราคาปืนกองทัพสหรัฐครั้งนี้ ใส่เข้าไปในปืนกล็อก ที่จะออกมาในอนาคตอีกด้วย
ช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.ที่ผ่านมา มีผู้จำหน่ายปืนในสหรัฐ หลายต่อหลายรายทำการทดสอบ เพื่อตอกย้ำให้เห็นความบกพร่องของปืน P320 "ปืนผู้ชนะ" ของกองทัพสหรัฐ ซึ่งในช่วงแรกๆ ถูกมองว่า เป็นความพยายามของกล็อก ในการสร้างความไม่น่าเชื่อถือให้แก่ปืน MHS ของซิกฯ แต่เมื่้อมีการทดสอบ มากขึ้นเรื่อยๆ จากบรรดาผู้ทดสอบอิสระต่างๆ ก็จึงพิสูจน์ให้เห็นว่า "หล่นแล้วปืนลั่น" เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงใน P320 แม้จะเกิดขึ้นในมุมตกกระทบที่จำเพาะเจาะจง และ เกิดขึ้นได้ยาก -- แต่ก็เกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวด ในเรื่องความปลอดภัย
เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่การทดสอบ P320 ได้ผลสรุปร่วมกันว่า "หล่นแล้วปืนลั่น" เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงนั้น ตำรวจวัย 34 ปีคนหนึ่ง ที่เมืองสแตมฟอร์ด (Stamford) รัฐคอนเน็คนิกัต ได้ให้ทนายความยื่นฟ้องสำนักงานใหญ่ซิกซาวเออร์อินซ์ เรียกค่าเสียหาย 7 ล้านดอลลาร์ ฐาน P320 ทำให้ตัวเขาบาดเจ็บ โดยกระสุนลั่นไปโดนขากับหัวเข่าข้างหนึ่ง
คำฟ้องระบุว่า ได้เกิดเหตุการณ์ "หล่นแล้วปืนลั่น" ขึ้นกับตัวเขาเอง ในเดือน ม.ค.ปีนี้ พร้อมสาธยายสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่แสดงให้เห็นว่า เหตุการณ์ครั้งนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นจากการใช้ปืนผิดวิธี แต่อย่างไร หากเป็นการ "หล่นแล้วลั่น" แลลเดียวกับที่เห็นในการทดสอบ และ ศาลกลางแห่งเมืองนิวเฮเวน (New Haven) รัฐนิวแฮมเชียร์ ได้ประทับรับฟ้อง ตั้งแต่นั้น
.
4
กรณีตำรวจในคอนเน็คติกัต ได้สุมไฟให้ไหม้ลามหนักขึ้นอีกสำหรับ P320 นับตั้งแต่กองบังคับการตำรวจเมืองดัลลัส (Dallas) รัฐเท็กซัส ประกาศห้ามกำลังพล ทั้งหมด พก P320 เข้าสำนักงาน และ ห้ามใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ หลังเกิดข่าวเล่าลือหนักข้อเกี่ยวกับเหตุการณ์ "หล่นแล้วปืนลั่น" แม้ว่าในเวลานั้น ยังไม่มีผู้ใดทราบข้อเท็จจริงแน่ชัด จนกระทั่งมีทดสอบอย่างเปิดเผยจากแหล่งอิสระต่างๆ
ปัญหานี้มีความสำคัญมากในสหรัฐ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐ นิยม "ขึ้นลำ" ปืนพกประจำกาย คือให้มีกระสุนในรังเพลิงตลอดเวลา และ พร้อมเหนี่ยวไกลั่นกระสุนได้ทุกเมื่อ ในขณะปืนที่มี "เซฟตี้พิน" หรือ ปุ่มแมนนวลสำหรับล็อกไก ทำให้เหนี่ยวไกไม่ได้ ปุ่มที่บังคับใช้ล็อกเข็มแทงชนวน หรือ สำหรับล็อกรางเลื่อนของปืน ฯลฯ ไม่ได้รับความนิยม
.
.
.
.
ไม่เพียงแต่วงการคนรักปืนผ่าหน้าไม้ในสหรัฐเท่านั้น ที่ให้ความสนใจต่อข่าวนี้ หลังจาก "MGRออนไลน์" นำเสนอรายงานเรื่องนี้เป็นแห่งแรก ในสัปดาห์ต้นเดือน ก.ค. เพียงไม่กี่ชั่วโมงสื่อในไทยด้วยกันเองหลายสำนัก ทั้งสื่อออนไลน์ ทั้งโทรทัศน์อีกหลายช่อง ต่างนำข่าวนี้ไปขยายผล เพื่อให้สาธารณชนมั่นใจว่า ปืน P320 ที่ตำรวจไทยซื้อมาใช้่ จะมีความปลอดภัยเพียงพอ -- และ ยังไม่ได้รับคำตอบครบถ้วน อย่างน้อยที่สุดก็ในทางเทคนิค
เมื่อเรื่องนี้ทำท่าจะกลายเป็นเรื่องบานปลายในสหรัฐ ที่สุดซิกฯ สหรัฐ ก็ยอมรับในปัญหา ทั้งยืนยันว่าปัญหา "หล่นแล้วปืนลั่น" จะไม่เกิดใน P320 เวอร์ชั่นของกองทัพบก ที่มีแมนนวลเซฟตี้พิน หรือ ปุ่มเซฟตี้ ที่ใช้นิ้วหัวแม่โป้งกดเลื่อนขึ้นลง ง่ายต่อการใช้งาน
แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การมีปุ่มแมนนวลเซฟตี้ ไม่ได้หมายความว่า P320 จะไม่ลั่นเมื่อหล่นลงกระทบพื้น เนื่องจากปุ่มดังกล่าว ไม่ใช่ฟังก์บล๊อกเข็มแทงชนวน ในขณะที่ปัญหาต้นตอ เกิดจากระบบไก ซึ่งบางคนกล่าวว่า เป็นเพราะน้ำหนักไก ที่หนักเกินไป แต่แก้ไขได้ง่ายมาก เพียงแค่แต่งไกเท่านั้น แต่ก็มีอีกหลายฝ่ายชี้ให้เห็นว่า ปัญหามีมากกว่านั้น เพราะเกี่ยวกับเข็มแทงชนวนที่ใช้ใน P320 ด้วย
.
.
สัปดาห์ต้นเดือน ก.ค. ซิกซาวเออร์ ยูเอสเอได้ประกาศอย่างเป็นทางการต่อสาธารณชน เสนอให้เจ้าของ P320 นำปืนของตน ไปอัปเกรทไกปืนได้ด้วยความสมัครใจ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ปัญหานี้มีอยู่จริง โดยบริษัทผู้ผลิตเอง ไม่ได้เกิดจากการกลั่นแกล้งของฝ่ายใด
ในขณะเดียวกัน -- การทดสอบที่ผ่านมาในช่วงเดียวกันนี้ ได้ยืนยันให้เห็นว่า ไม่มีปืนโครงโพลิเมอร์เข็มพุ่งด้วยกัน รุ่นไหน ยี่ห้อใด ที่ "หล่นแล้วลั่น" เหมือน P320 รวมทั้งกล็อก 17/19 ด้วย
กล็อก US Army ยังติดตั้งระบบเซฟตี้แมนนวล เช่นเดียวกันกับ P320 ซึ่่งเป็นไปตามความต้องการของกองทัพสหรัฐ นอกจากฟังก์ชั่น "ไกสองสเต็ป" ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยในปืนกล็อกทั่วไป ระบบเซฟตี้แมนนวลของกล็อก จะสนองความต้องการทั้งหลายทั้งปวง ของบรรดาพลเรือนในตลาดโลกอันกว้างใหญ่ รวมทั้งในสหรัฐเอง ที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุดในการใช้ปืนพก -- ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในปืนกล็อก ที่จำหน่ายในตลาดโลก.